Monday, May 11, 2009

จารุวรรณ “เป็ด หัวยักษ์” โป๊ะเชะ

จารุวรรณ “เป็ด หัวยักษ์” โป๊ะเชะ วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
ผมคุ้นกับงานของนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณอิศรา อมันตกุล มาตั้งแต่ตัวเองยังเป็นเด็ก ท่านผู้นี้มีชีวิตไม่ธรรมดา มีทั้งขึ้นและลงต้องลำบากพอควร เคยถูกเผด็จการสะดือแตก “สฤษดิ์ ธนะรัชต์” จับไปขังในข้อหาครอบจักรวาล คือ
มีการกระทำอันเป็น...คอมมิวนิสต์!
ท่านโดนขังอยู่ยาวนานกว่า 5 ปี จน “จอมพล-เมียพัน” ลงโลงลาโลกไปนั่นแหละ จึงได้รับการปล่อยตัวออกมาโดยไม่มีการฟ้องศาล
นี่คือความชั่วร้าย...ของระบอบเผด็จการ!!
คุณอิศราฯมีอุดมการณ์นักหนังสือพิมพ์ที่แน่วแน่ คือการไม่ราข้อหรือก้มหัวให้เผด็จการ เมื่อได้ล่วงลับไป ทางสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมหนังข่าวแห่งประเทศไทย มีมติให้จัดตั้ง “มูลนิธิ อิศรา อมันตกุล” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ท่าน ซึ่งจดทะเบียนก่อตั้ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514
ภารกิจสำคัญของมูลนิธิ คือ การร่วมกับ สมาคมนักข่าวฯ จัดการประกาศรางวัลผลงานข่าวหนังสือพิมพ์ และภาพข่าว นสพ.ดีเด่น โดยสมาคมนักข่าวฯ เป็นฝ่ายแต่งตั้งคณะกรรมการตัดสิน จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2514 และมีพิธีมอบรางวัลครั้งแรก ในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2516 ว่าไปแล้ว “รางวัลอิศรา อมันตกุล” นั้นเคยมีคนเปรียบเหมือนเป็นรางวัล
“พูลิตเซอร์เมืองไทย” เลยทีเดียว!

แต่...ท่านผู้อ่านครับ เมื่อมาถึง พ.ศ.นี้ รางวัลนี้มีอันต้องมัวหมอง เพราะพฤติกรรมของหนังสือพิมพ์กลุ่มเนชั่น กล่าวคือ
หนังสือพิมพ์นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ได้เสนอข่าวเจาะ กรณีการคอรัปชั่นและสินบนข้ามชาติซีทีเอ็กซ์ ยุครัฐบาลทักษิณ เป็นที่ตื่นเต้นของผู้คน และจากการเสนอข่าวนี้เอง ได้ทำให้รัฐบาลขณะนั้น ต้องหมองมัวด้านความซื่อสัตย์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งยังเป็นเงื่อนไขสำคัญ ให้บรรดากลุ่มพันธมาร ร่วมกับพรรคฝ่ายตรงข้าม ใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นโฆษณาโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และสร้างเงื่อนไข ในการทำรัฐประหารอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในการตัดสินรางวัล รางวัลข่าวยอดเยี่ยมปี
พ.ศ. 2548 ผลการตัดสินปรากฏว่ารางวัลยอดเยี่ยมได้แก่ การนำเสนอข่าว “ผ่าขบวนการคอรัปชั่น...สินบนข้ามชาติซีทีเอ็กซ์" โดยกองบรรณาธิการ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ได้รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล พร้อมโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ
ไม่น่าเชื่อว่า แค่เวลาผ่านไปเพียงสามปีกว่าเท่านั้น กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่นกรุ๊ป ได้ตีพิมพ์คำขอโทษอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 51 ในกรณีที่ได้แสดงความเท็จ กล่าวหาว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX เพื่อใช้ติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ การตีพิมพ์ข่าวเท็จดังกล่าว นอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือ “เสียเช”...ผู้คนตกตะลึง!
ข้อความที่ทางกลุ่นเนชั่นขออภัยเสี่ยเช ให้เหตุผลที่ฟังแล้วไม่เข้าท่าเลยคือ กรุงเทพธุรกิจยอมรับว่า เสนอข่าวผิดพลาด และขอโทษผู้เสียหาย ที่ลงข้อความว่าเขาเป็นนายหน้า ค้ากำไรเกินควร...แถมยังติดตลก อีกว่า
ฝ่ายกรุงเทพธุรกิจนั้น แปลสัญญาภาษาอังกฤษ และข้อความกระทรวงยุติธรรมสหรัฐผิดพลาด (ขนาดหัวเหม่งมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ The Nation อยู่ในเครือ...นะเนี่ย!)
ที่ตลกระดับโคตรคือ ดันยอมรับหน้าตาเฉย ว่า
ไม่มีสินบนใดๆเกิดขึ้น ตามที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเคยนำเสนอ!

การออกมายอมรับ แบบไร้ศักดิ์ศรีของกรุงเทพธุรกิจ (กลุ่มของนายหัวเหม่ง) นั้น ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ไทยแลนด์แดนสยามของเรานั้น ทำท่าจะกลายเป็น “ตอแหลแลนด์” อย่างที่เขาว่ากันเอาไว้จริงๆ แต่อย่าหวังไปหาความรับผิดชอบ จากคนกลุ่มนี้
ก็ขนาดไอ้ทีวีเสรี ที่สภาสากกะเบือ ของ “ไอ้บัง” กับพวก มันยกร่าง “รัดทำมะนวย-ฉบับหัวคูณ” เอาสถานีโทรทัศน์ มาประเคนให้สะตอเบอรี่กลุ่มนี้ เมื่อวันฉัตรมงคลที่ผ่านมาหยกๆนี้เอง สถานีนี้บังอาจปล่อยเสียงแทรกแซงเพลง “สดุดีมหาราชา” ทำเอาผู้คนสะดุ้งทั้งบ้านทั้งเมือง แต่มันยังด้านไปลงโทษเจ้าหน้าที่เล็กๆ โดยน้องชายเจ้าหัวเหม่งที่เป็นผู้บริหารสถานี กลับไม่ยอมยืดอกรับผิดชอบแต่อย่างใด ทั้งๆที่ตัวเป็นหัวหน้าองค์กร
ทุเรศสิ้นดี...ดูมันทำ!!!



ผู้เขียนไม่สนใจเรื่องของไอ้หัวเหม่งกับพวก แต่สนใจเรื่องของ จารุวรรณ เมณฑกา คนดังของกลุ่ม ค.ต.ส. ที่เคยพูดวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยยืนยันมั่นเหมาะว่า
"เรื่องใหญ่ที่จะต้องออกมาใน 1-2 วันนี้คือ ซีทีเอ็กซ์ เราสรุปผลเสร็จแล้วเหลือแค่กลั่นกรองคำพูดเล็กน้อย เรื่องซีทีเอ็กซ์อยากจะให้ทันในสัปดาห์นี้ แต่บอกตรงๆ ว่าทุกเรื่องสำคัญหมด เงินมันเยอะเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาท แต่เรื่องซีทีเอ็กซ์ตอนนี้พร้อมสุด มั่นใจว่าเอาผิดได้แน่นอน"
มาถึงวันนี้ คำพูดของ “ยัยเป็ด-หัวยักษ์” (ฉายาที่ผมตั้งให้)กลายเป็นเรื่องสะตอเบอรี่ไปอีกราย...น่าอนาถใจนัก!
ได้เคยเขียนเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อ จารุวรรณ เมณฑกา ไปสองถึงสามครั้ง และครั้งล่าสุด ได้เขียนบทความชื่อ ‘หญิงเป็ด-หัวยักษ์’... หัวกำลังจะเน่า! ลงประชาทรรศน์ เมื่อ 22 ธ.ค.2551 มาถึงวันนี้ มีเรื่องมาพูดให้ท่านผู้อ่านฟังอีกครั้ง เพราะผมได้รับหนังสือเวียนจากผู้ที่ใช้นาม ว่า
“กลุ่มเจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ไม่ยอมสนองนโยบายที่มิชอบ ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา”
ข้อความในหนังสือเวียนนั้น น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และมีส่วนสอดคล้องกับบทความของผม ที่เขียนไปถึงยัยเป็ด หัวยักษ์ ที่อ้างถึงข้างต้น จึงขอตัดมาเสนอเป็นการต่อเนื่อง กับบทความครั้งที่แล้ว เฉพาะแต่ในส่วนที่ผมมีหลักฐานอยู่ด้วย ดังนี้...

...7.การนำบุคคลในครอบครัวเดินทางไปต่างประเทศโดยใช้จ่ายจากเงินแผ่นดิน
ในการเดินทางไปต่างประเทศของคณะ สตง. คุณหญิงจารุวรรณมักจะให้บุตรสาว บุตรชาย และน้องสาวซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานของ สตง. ร่วมเดินทางไปด้วย โดยคุณหญิงจารุวรรณฯ จะให้บริษัททัวร์ทำหลักฐานเท็จเพื่อเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินของ สตง. เช่น บุคคลในครอบครัวของคุณหญิงจารุวรรณ ฯ เดินทางไปด้วย 5 คน รวมเป็น 45 คน ก็จะให้บริษัททัวร์เสนอราคาเป็น 40 คน แต่ที่แท้จริง คือราคาค่าทัวร์ของ 45 คน คุณหญิงจารุวรรณฯ จะเป็นผู้อนุมัติการเดินทาง เป็นผู้เลือกบริษัททัวร์ อนุมัติการจ้างบริษัททัวร์ อนุมัติตัวบุคคลและจำนวนบุคคลให้ร่วมเดินทางไปด้วย และอนุมัติจ่ายเงิน ซึ่งเป็นการกระทำแต่ผู้เดียวจนครบวงจร ซึ่งขัดกับหลักการควบคุมภายในอย่างร้ายแรง แล้วให้บริษัททัวร์ออกใบเสร็จว่าเป็นค่าทัวร์เพียง 40 คน บางครั้งก็ให้บริษัททัวร์ทำเป็นแถม บางครั้งจารุวรรณฯ จะใช้ตำแหน่งหน้าที่ขอตั๋วฟรีจากบริษัทการบินไทยให้บุตรสาว และ น้องสาว ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ค่าทัวร์ทั้งหมดรวมค่าใช้จ่ายของญาติคุณหญิงจารุวรรณฯ จะจ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดินของ สตง. ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ การเดินทางไปต่างประเทศของคุณหญิงจารุวรรณฯ ทุกครั้ง จะให้บุตรชาย (นายกิตติวัฒน์ เมณฑกา ซึ่งรับเงินเดือนในฐานะเลขานุการส่วนตัวในอัตราใหม่คือ 43,530 บาท ไม่ใช่ 30,000 บาทตามที่เข้าใจกัน) ติดตามไปด้วยโดยปกติจะเบิกค่าตั๋วเครื่องบินชั้นเดียวกับแม่ คือชั้น business หรือ first class เช่น การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 16 -25 กรกฎาคม 2549 เพื่อเยี่ยมลูกสาวคุณหญิงจารุวรรณ ฯ (นางสาวขจาริน เมณฑกา ) ที่ศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อ16 -25 กรกฏาคม 2549 ทำเรื่องเป็นขออนุมัติประธาน คตง. เดินทางไปราชการต่างประเทศพร้อมทั้งขออนุมัติวงเงินค่าใช้จ่ายรวมค่าตั๋วเครื่องบินของคุณหญิงจารุวรรณฯ จำนวนเงิน 5 แสนบาทแล้วนำบุตรชายไปด้วย โดยให้บุตรชายตั้งเรื่องถึงคุณแม่ ขออนุมัติเดินทางไปกับคุณแม่ โดยคุณหญิงจารุวรรณฯ จะอนุมัติให้คุณลูกร่วมเดินทางไปต่างประเทศด้วยตามที่คุณลูกชงเรื่องขึ้นมา
เมื่อคุณลูกได้รับอนุมัติการเดินทางจากคุณแม่แล้ว ก็ถือว่าเดินทางไปราชการ มีสิทธิ์เบิกค่าใช้จ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดินของ สตง. ทุกประการ ทั้งๆที่ไม่มีระเบียบให้เลขาฯ ส่วนตัวเบิกค่าใช้จ่ายจากเงินหลวงได้ และแม้แต่ประธาน คตง. และคตง.เอง ซึ่งเป็นผู้อยู่เหนือกว่าผู้ว่าการฯ ยังไม่เคยมีใครนำเลขานุการเดินทางไปต่างประเทศ และเบิกเงินจากทางราชการเลย การเบิกจ่ายเงินครั้งนี้จึงไม่มีระเบียบให้เบิกจ่ายสำหรับบุตรของผู้ว่าการจึงเบิกจ่ายไม่ได้ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดมาตรวจสอบ สตง. คุณหญิงจึงใช้อำนาจประธาน คตง. และอำนาจ คตง. 10 คนอนุมัติทุกอย่างเอง อนุมัติการจ่ายเงินเอง เบิกจ่ายเงินตามใจชอบ
การที่คุณหญิงจารุวรรณฯ และบุตรชาย เดินทางไป เมือง โอซากาและกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 16 -25 กรกฎาคม 2549 เพื่อเยี่ยมบุตรสาว ที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงโตเกียวในขณะนั้น แต่ตั้งเรื่องว่า จะไปควบคุมการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ สตง. ที่ญี่ปุ่น และขออนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายเฉพาะตัวคุณหญิงจารุวรรณ ฯ รวมตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ญี่ปุ่นและเบิกค่าใช้จ่ายอื่นรวมเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท แล้วยังเบิกค่าตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายให้บุตรชายจากเงินงบประมาณแผ่นดินด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ คุณหญิงยังได้สั่งการให้นางยุพิน ชลานนท์นิวัฒน์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปขอให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกบัตรโดยสารฟรี ออกเงินค่าที่พัก และเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้คุณหญิงจารุวรรณ และบุตรชาย อีกด้วย

แล้วก็คือ การไปเยี่ยมบุตรสาวที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวควรออกจ่ายค่าใช้จ่ายเอง แต่กลับใช้อำนาจหน้าที่เบิกค่าใช้จ่ายจากเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นเงินของประชาชนทั้งชาติ เท่านี้ยังไม่พอยังไปขอให้บริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นหน่วยรับตรวจจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าพาหนะในญี่ปุ่น ค่าที่พักเบี้ยเลี้ยงให้ตนเองและบุตรชายอีก ผลประโยชน์คือ ไปธุระส่วนตัวที่ญี่ปุ่นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ยังแถมได้เงินอีก!!
นี่เป็นเพียงตัวอย่างทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปรากฏหลักฐานให้เห็น แล้วที่ทุจริตใหญ่ ๆ ยังไม่ปรากฏหลักฐานใครจะทำหน้าที่ตรวจสอบคุณหญิงได้ ?

8. การขอตั๋วฟรีและขอให้ออกค่าใช้จ่าย ไปมอสโคและโคเปนเฮเกน
คุณหญิงจารุวรรณฯ ให้นางยุพิน ชลานนท์นิวัฒน์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประจำสายบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่าเจ้าหน้าที่จะไปตรวจบัญชีบริษัทการบินไทยที่สาขามอสโค และ โคเปนเฮเกน โดยมีคุณหญิงจารุวรรณ เป็นผู้ควบคุมการตรวจสอบและมีผู้ติดตามคุณหญิงจารุวรรณ คือนายกิตติวัฒน์ เมณฑกา (บุตรชาย) ระหว่างวันที่ 23 กันยายน 2549 - 8 ตุลาคม 2549 แต่ในวันที่ 19 กันยายน 2549 เกิดปฏิวัติเสียก่อน คุณหญิงจารุวรรณจึงงดการเดินทางแต่กลับให้นาย กิตติวัฒน์บุตรชายเดินทางไปมอสโค และ โคเปนเฮเกนต่อไป โดยค่าใช้จ่ายของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)!
ทั้งๆ ที่ไม่มีหน้าที่ เพราะโดยหน้าที่คือติดตามคุณหญิงจารุวรรณฯ แต่เมื่อคุณหญิงจารุวรรณฯงดการเดินทาง ก็จะต้องสั่งการให้บุตรชายงดการเดินทางด้วย แต่กลับให้บุตรชายเดินทางไปตามปกติเพื่อไปเที่ยวโดยค่าใช้จ่ายของผู้รับตรวจ
พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ...

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าหลักฐานที่ผู้เขียนได้รับมาก่อนหน้านั้น เกี่ยวกับพฤติกรรมของยัยเป็ด หัวยักษ์ สอดคล้องข้อความที่ตัดตอนมาให้ท่านดู
หลักฐานถูกต้อง ตรงกันแบบ “โป๊ะเชะ...โป๊ะเชะ!”
ดังนั้น การที่จะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ ยังอยู่ในตำแหน่ง และใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง สร้างความเสื่อมเสียให้แก่หน่วยงานอย่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน นั้น
เป็นเรื่องที่ “ยอมรับไม่ได้ อย่างเด็ดขาด!”
ฉะนั้น รัฐบาลจะต้องดำเนินการทุกวิถีทาง ให้บุคคลผู้นี้พ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ไปอย่างรวดเร็วที่สุด ถ้าขืนปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ก็ยิ่งจะเป็นภยันตราย ต่อหน่วยงานที่ผู้ปฏิบัติต้องมีความซื่อสัตย์สูง อย่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
หากท่านผู้อ่านถามว่า “ทำไมถึงจึงเชื่อมั่นว่า ผู้หญิงอย่างจารุวรรณฯ มีพฤติกรรมส่อไปในทางไม่สุจริต?
ตอบได้ว่า
ตัวผู้เขียนเองนั้น เคยเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนและอาจารย์สอนวิชาการสอบสวน มีประสบการณ์และทักษะเรื่องการสอบสวนข้าราชการทุจริตมายาวนาน อีกทั้งเคยเป็นอนุกรรมการฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สินของ ป.ป.ป.มาก่อนด้วย
ดังนั้น เมื่อเห็นหลักฐานและทำการสืบสวนด้วยตนเองแล้ว จึงมีความมั่นใจเต็มร้อย จึงพร้อมที่จะพิสูจน์หลักฐานในศาลกัน หากมีคดีฟ้องร้องว่า ข้อความที่ท่านกำลังอ่านนั้น เป็นความเท็จ!
ถ้าจะถามต่อว่า ทำไมผมถึงเชื่อในหลักฐานกรณีบริษัทการบินไทยว่าถูกต้อง ก็ต้องขอตอบแบบตรงไปตรงมา ว่า

“ก็บอร์ดเก่าของบริษัทการบินไทยฯ ตั้งให้ผมเป็นกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีทุจริตในการบินไทย!!”

แค่นี้... “ชัดเจน” หรือยังล่ะครับ!!!?

.....................

****โปรยตาม
ติดตามวันวางแผงหนังสือของ “วาทตะวัน” ได้จากเว็บไซด์ www.vattavan.com หรือโทรสั่ง หมายเลข 086-2593-939...



ขอขอบคุณPorsche:

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.