Sunday, May 10, 2009

บันทึกสมุดสีแดง (2)

ว่าด้วยประชาธิปไตยสากล : ไทย และการคอรัปชั่น : สันติวิธีและความรุนแรง

ประชาธิปไตยสากล

พวกอำมาตย์อนุรักษ์นิยมมักอ้างว่า “ประชาธิปไตยตะวันตก” ไม่เหมาะสมกับประเทศไทย แต่ประชาธิปไตยตะวันตกไม่มีจริง มีแต่ประชาธิปไตยสากลเพราะแม้แต่ในประเทศต่างๆของตะวันตก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ หรือ สหรัฐอเมริกา ประชาชนจะต้องต่อสู้กับอำมาตย์ของตนเองเพื่อสร้างประชาธิปไตย ในอังกฤษฝ่ายอำมาตย์ได้ฆ่าฟันชนชั้นกรรมาชีพทีเมืองแมนเชตเตอร์ เมื่อคนจนได้ออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการเลือกตั้ง ที่ฝรั่งเศษพวกอำมาตย์ได้เข่นฆ่าพลเมืองของปารีสหลังการปราบปรามคอมมูนปารีสจนแม่น้ำเซน แม่น้ำสายหลักกลางเมืองปารีสเปลี่ยนเป็นสีแดงจากเลือดของประชาชนคนจน ในสหรัฐอเมริกาคนผิวดำพึ่งได้สิทธิเสรีภาพเต็มที่เมื่อ 40 ปีก่อน ในแต่ละกรณีนั้นเราจะเห็นชนชั้นกรรมาชีพและคนยากคนจนต้องต่อสู้กับพวกกษัตริย์ ขุนนาง นายทุนใหญ่และชนชั้นกลางอนุรักษ์นิยมของตัวเองก่อนเสมอจึงจะได้ประชาธิปไตยแท้มา และในบางกรณีจำเป็นจะต้องตัดหัวกษัตริย์ด้วย เช่น ในกรณีอังกฤษและฝรั่งเศษ

ในกรณีของรัสเซียซึ่งเป็นประเทศล้าหลังที่ปกครองโดยกษัตริย์ซาร์ผู้ล้าหลังงมงายในศาสนาอันไร้วิทยาศาสตร์ กษัตริย์คนนี้พร้อมจะสังเวยชีพคนจนนับเป็นล้านในสงครามโลกครั้งที่ 1 และปราบปรามเข่นฆ่าขบวนการประชาธิปไตยด้วยความโหดร้ายทารุน แต่ในที่สุดกษัตริย์ซาห์ก็ถูกโค่นล้มในการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิคในปี ค.ศ. 1917/ พ.ศ. 2460 และต้องถูกประหารชีวิตเพื่อไม่ให้เป็นหัวขบวนในการล้มสังคมประชาธิปไตยใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น สังคมประชาธิปไตยในยุคนั้นภายใต้การนำของเลนินและทรอตกี้ มีลักษณะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบเพราะประชาชนนอกจากจะเลือกตั้งรัฐบาลของตัวเองได้แล้วยังสามารถบริหารสถานที่ทำงานทุกแห่งได้ผ่านสภาคนงานหรือโซเวียต พูดง่ายๆ ประชาชนทุกคนมีประชาธิปไตยในด้านการเมืองและเศรษฐกิจพร้อมๆกัน และมันเป็นครั้งแรกในโลกที่ผู้หญิงคนจนมีสิทธิในการเลือกตั้งเท่าเทียมกับผู้ชาย เป็นที่น่าเสียดายที่ประชาธิปไตยแบบนี้ได้ถูกทำลายลงโดยสตาลินหลังจากที่เลนินเสียชีวิตไป เราจึงเห็นเผด็จการคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นมาแทน อย่างไรก็ตามชนชั้นปกครองทั่วโลกมองปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นรัสเซียด้วยความเกรงกลัวโดยเฉพาะรัชกาลที่ 6 ในประเทศไทย

ดังนั้นประชาธิปไตยสากลเป็นสิ่งที่เพื่อนๆพี่น้องพลเมืองทั่วโลกใฝ่ฝันถึง ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนในยุโรพ คนในลาตินอเมริกา หรือคนในเกาหลีใต้ และมาตรฐานของประชาธิปไตยสากลคืออำนาจสูงสุดต้องอยู่ในมือของคนธรรมดา ไม่มีอภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมายและเป็นความพยายามที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอีกด้วย นี่คือเป้าหมายอันสูงส่งที่คนเสื้อแดงจะต้องยึดถือในการต่อสู้



ประชาธิปไตยไทยๆ

หลัก 19 กันยา พวกนักวิชาการที่รับใช้อำมาตย์เสนอว่าต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งแปลว่าประชาชนและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องยอมรับว่าทหารและสถาบันกษัตริย์ จะต้องมีบทบาทนอกกรอบรัฐธรรมนูญในสังคมไทยตลอดกาล ข้อเสนอนี้เราได้ยินมาตั้งแต่สมัยเผด็จการจอมพลสฤษดิ์ และเป็นข้ออ้างของพวกจอมเผด็จการในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ในยุคต่างๆ เช่นเดียวกัน ส่วนคนข้างล่างนั้นมักจะมีบทบาทเรียกร้องประชาธิปไตยให้เต็มใบทั้งในไทยและประเทศต่างๆของเอเชีย แน่นอนนักวิชาการฝ่ายขวาฝ่ายของพวกเขาก็จะยกเหตุผลงี่เง่าร้อยแปดมาอธิบายเพื่อหาความชอบธรรม ชัยอนันต์ สมุทรวนิช นักวิชาการขวาจัด คือ คนที่สร้างนิยายว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎรเป็นการกระทำชิงสุกก่อนห่ามเพราะรัชกาลที่ 7 ต้องการจะให้ประชาธิปไตยกับชาวไทยอยู่แล้ว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง กษัตริย์ในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศภายใต้วิกฤติเศรษฐกิจโลกสมัย 1930 หรือ ราวๆ ช่วง 2475 และมัวแต่ละลายภาษีประชาชนไปกับการเสพสุขในราชวงษ์ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองโดยการปฏิวัติ

ผลของการบิดเบือนประวัติศาสตร์และผลพวงของการปล่อยให้พวกนี้มีบทบาทในการกำหนดประชาธิปไตย พวกเราก็จะเจอปรากฎการณ์ความป่าเถื่อนไม่รู้จบไม้รู้สิ้นในรูปแบบต่างๆ จะมีคนที่ทำลายประชาธิปไตยแต่ออกมาพูดเรื่องประชาธิปไตย เช่น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สมาชิกคนหนึ่งของชนชั้นปกครองที่มือเปื้อนเลือดมากที่สุด นายเปรมชอบใช้ความธรรมจากกษัตริย์ภูมิพลหรือไสยศาสตร์ มีเกล็ดเล็กๆน้อยๆ ฝากให้คิดและเอาไว้จี้จุดอ่อนเพื่อเพิ่มความดันของพวกชนชั้นกลางขวาจัดที่ดัดจริตชอบคนที่มีการศึกษาดี ตระกูลดีๆ หน้าตาน่ารักๆ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใส่สูตรแสนแพง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นสูง คุณสมบัติและการศึกษาที่เพียบพร้อมเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเขาแตกต่างจาก สฤษดิ์ ถนอม ประภาส และพวกนายพลอัปลักษณ์มือเปื้อนเลือดทั้งหลายเลย

ทัศนะของชนชั้นปกครองเชื้อสายเจ้าเชื้อสายราชวงศ์ที่น่าสมเพชอีกคนหนึ่งคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)[1] นายคนนี้เห็นด้วยกับการปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่มีคนเดือนร้อนหลายแสนโดยเปรียบเทียบกับสงครามยาเสพติดในยุคสมัยทักษิณ เพื่อทำให้เห็นว่าการปิดสนามบินเป็นความแย่ที่จำเป็น ทั้งๆที่เป็นคนละเรื่องกัน นายสุขุมพันธุ์เห็นด้วยกับระบบเผด็จการสุดขั้วอีกทั้งตำหนิว่าทหารไม่รุนแรงพอ นายสุขุมพันธ์ไม่เห็นด้วยกับระบบการเลือกตั้งฯ นายคนนี้มองว่าความยากจนเป็นเรื่องปกติของสังคม นักการเมืองที่ดีในมุมมองของเขาจะต้องหาทางให้คนจนยอมรับสถานะภาพดังกล่าวของตนเอง และนายสุขุมพันธ์มองว่าสถาบันกษัตริย์จะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเพราะคนจะไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์บางเรื่องมันกลายเป็นเสาหลักของเสถียรภาพของพวกอภิสิทธิชนทั้งหลาย แต่มันเป็นฝันร้ายของประชาชนคนธรรมดา “ประชาธิปไตยแบบไทยๆโดยเนื้อแท้แล้วมันยอมรับความเสมอภาคของมนุษย์ไม่ได้นั่นเอง”

วิธีคิดแบบนี้มันเลยขั้นไปจากการไม่ยอมบริการประชาชนไปเป็นรับไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่จะเห็นความเสมอภาคของคน บาปกรรมล่าสุดของผู้ว่าฯ สโลแกนคืนรอยยิ้มเปื้อนเลือดให้แก่คนกรุง คือ พิธีกรรมล้างซวยเพื่อคืนความสงบให้สังคม ประเด็นการคืนความสงบนั้นมันง่ายนิดเดียงเพียงแค่พรรคประชาธิปัตน์ย์และทหารเลิกปล้นประชาธิปไตยชาวบ้าน ความสงบสุของสังคมก็กลับคืนมาแล้วโดยไม่ต้องหวังพึ่งไสยศาสตร์ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้นมันไม่มีเพราะประชาธิปไตย คือ การปกครองของคนธรรมดาเพื่อคนธรรม ถ้าหากเรามีประชาธิปไตยแท้เราจะไม่มี จำพวกหม่อมเจ้าฯทั้งหลายแหล่ สถาบันองค์มนตรี เราไม่จำเป็นต้องมีราชวงศ์ เพราะทุกๆคนจะมีคำนำหน้านามเท่าๆกันทุกคนว่า “คุณ” เท่านั้น

การคอรั่ปชั่น

คอรัปชั่น คือ การใช้ตำแหน่งเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว คนไม่ทำงานมีเงินมหาศาลในขณะที่คนทำงานหนักได้เงินตอบแทนน้อยและไม่มีความมั่นคงในชีวิตการงาน ถ้าหากเราใช้ตรรกะการใช้ตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นผลมาจากการรอรั่ปชั่นทั้งสังคมใช่หรือไม่ และจะมีการคอรัปชั่นตลอดเวลา ในทุกระดับชั้นของสังคม เราเคยชินกับการคอรัปชั่นอะไรบ้างในสังคมไทย จะขอไล่เรียงจากคนตัวใหญ่ที่คอรัปชั่นมากที่สุดไปหาตัวน้อยๆ

สถาบันกษัตริย์ เป็นสถาบันที่หากินกับความยากจน โดยเสนอว่าตัวเองมีโครงการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับการใช้นโยบายจากภาครัฐของรัฐบาลไทยรักไทยแล้ว โครงการตามพระราชดำรินั้นไร้และด้อยประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง โครงการดังกล่าวดำเนินการมาหลายสิบปี ประชาชนก็ยังคงยากจนแต่สถาบันดังกล่าวรวยเอาๆแถมยังใช้โครงการดังกล่าวมาระดมเงินบริจากโดยอ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาความยากจน โดยเงินนั้นต้องผ่านกษัตริย์ก่อนแทนที่จะเข้าถึงคนจนโดยตรง เงินบริจากนั้นหายไปไหนไม่สามารถตรวจสอบได้ หรือการให้เงินกษัตริย์แล้วให้กษัตริย์เอาเงินไปใช้ตามใจชอบเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางอ้อมของกลุ่มทุน อันนี้ก็เป็นวิธีในการคอรัปชั่นอีกชนิดหนึ่ง วิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาความจนคือการใช้งบประมาณของรัฐผ่านการออกนโยบายเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตคนจน ซึ่งจะทำให้คนธรรมดามีศักดิ์ศรีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นจากการหากินกับความจนของสถาบันกษัตริย์ที่ลดศักดิ์ศรีคนตลอดเวลา

เราต้องค้นหาคำตอบว่าความร่ำรวยของประเทศชาติเรามาจากไหน มันมาจากการบริหารประเทศของคนชั้นสูงหรือมาจากการทำงานของเกษตรกรกรรมกรและพนักงานต่างๆ ในสถานประกอบการทั่วประเทศหรือไม่ เราไม่ต้องคิดมากเพราะถ้าคนธรรมดาไม่ว่าจะอยู่ในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมหรือภาคบริการ ร่วมกันหยุดงานสองอาทิตย์ ไม่ว่าคนชั้นสูงจะขยันทำงานแค่ไหนก็คงผลิตรายได้อะไรไม่ได้ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมมาจากการเกาะกิน ขโมย รีดไถ ของกาฝากชั้นสูงทั้งหลายในสังคม ดังนั้นการที่พวกกาฝากนี้จะมาทำเป็นเมตากรุณาแจกจ่ายของขวัญให้พวกคนจน ทั้งๆที่คนจนเป็นคนที่สร้างของขวัญเหล่านั้นขึ้นมาตั้งแต่แรก จึงเป็นการคอรัปชั่นโกงกินที่สุดจะบรรยายได้

พวกนายทหารชั้นยศนายพลที่ร่วมเกาะกินกับอำมาตย์ก็เป็นอีกพวกที่คอรัปชั่นโกงกินบ้านเมืองอย่างเป็นระบบ ด้วยความต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคจอมพล ป. และ จอมพลสฤษดิ์ เป็นต้นมา ถ้าพวกนายพลเหล่านี้แค่รับเงินเดือนปกติของกองทัพพวกเขาจะไม่มีวันเติบโตเป็นเศรษฐีได้ นอกเสียจากต้องใช้อำนาจในทางที่ผิด เช่น เข้าไปคุมสื่อหรือกินเบี้ยเลี้ยงสูงๆจากรัฐวิสาหกิจต่างๆ อย่างที่เราเห็นในยุค คมช. และยุคปัจจุบันเขาจะไม่มีวันรวยได้ น่าสมเพชจัง!! สำหรับไอ้พวกที่คิดว่าทหารจะจัดการกับการคอรัปชั่นและทำให้การเมืองไทยขาวสอาด

การคอรั่ปชั่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสิ่งที่สร้างความหนักใจให้กับประชาชนคนยากคนจน เพราะเราถูกรีดไถเป็นประจำในแต่ละวันๆโดยนายตำรวจชั้นผู้น้อยบนท้องถนน แต่เราต้องพุ่งเป้าไปโทษนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่คอยกดดันและสร้างบรรยากาศให้เกิดการรีดไถแบบนี้ จนตำรวจชั้นผู้นอยต้องคล้อยตามไปกับระบบแบบนี้ เราต้องโทษว่าสาเหตุมันเกิดจากคนใหญ่คนโตที่ได้สร้างตัวอย่างเลวทรามของรูปแบบการคอรั่ปชั่นด้วย และเราต้องเรียกร้องให้นายตำรวจชั้นผู้น้อย ข้าราชการธรรมดาและกรรมกรในโรงงานได้รับเงินเดือนที่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงชีพ ไม่ใช่มาเน้น “ความพอเพียง”!!!

ฝ่ายอำมาตย์โกงกินแล้วยังมีหน้ามาอ้างศีลธรรมและเมื่อประชาชนไม่พอใจก็ใช้กฎหมายต่างๆ และกระสุนปืนเพื่อปิดปากประชาชนนี่คือภาพแท้ของการคอรั่ปชั่นในสังคมไทย มีแต่คนเสื้อแดงคนธรรมดาเท่านั้นแหละที่จะสามารถแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้

สันติวิธีและความรุนแรง

สันชาตญานของมนุษย์นั้นกลัวความเจ็บและรักตนเอง ถ้าเราโดนความร้อนจากไฟเราจะถอนมือออกจากบริเวณนั้นทันที ฉะนั้นการใช้ความรุนแรงไม่ได้เกิดขึ้นมาเพียวๆโดยไม่ถูกกระตุ้น หากจะเข้าใจคนเสื้อแดงจะต้องทำความเข้าใจภายใต้ตรรกะนี้เท่านั้น และการกล่าวเช่นนี้เป็นคนละเรื่องกับการสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง อะไรคือเรื่องเดียวกันกับการสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง สื่อรายงานเข้าข้างรัฐบาลขยันสร้างความเกลียดชังให้เสื้อแดง ทำลายมาตรฐานการใช้เหตุผล ขนทหารเข้ามาปราบปรามประชาชน รัฐบาลจัดตั้งกองกำลังอันพาธเพื่อสร้างให้ม๊อบชนม๊อบ กษัตริย์ภูมิพลนิ่งเฉยดูแผ่นดินเปื้อนเลือด ปัจจัยเหล่านี้ต่างหากที่ก่อให้เกิดการใช้ความรุนแรง ตามประวัติศาสตร์การเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนคนธรรมดาในไทย ฝ่ายที่เลือกใช้ความรุนแรงก่อนเสมอคือรัฐบาลเผด็จการและทหาร “สันติวิธี” ตอนนี้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายขวาเพื่อประณามการกระทำของคนเสื้อแดงเป็นหลักเท่านั้นเอง

เมื่อผู้เขียนเห็น “นโยบายหยุดทำร้ายประเทศไทย” สิ่งที่คิดออกคือ พวกเผด็จการทหารพวกนี้มันทั้งบ้าและป่าเถื่อน มันเหมือนบางฉากในหนังที่พวกผู้ร้ายจับคนบริสุทธิ์ไปทรมาน จับมัดมือมัดตีนเอาไฟฟ้าชอตจากนั้นจับให้กินยากล่อมประสาทเพื่อให้ยอมจำนนต่อพวกมัน นี่คือภาพที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย มันคือการใชความรุนแรงต่อคนเสื้อแดงอย่างเป็นระบบทั้งทางตรงทางอ้อม ความรุนแรงทางตรงที่ใช้นอกจากกองทัพ พวกมันยังได้สร้างยักษ์อันธพาลสีน้ำเงินเพื่อไล่ขยี้สังหารคนเสื้อแดงอีกด้วย ซึ่งอันธพาลติดอาวุธสีน้ำเงินนั้นได้รับการจัดตั้งจากคนของรัฐจากคนที่มีตำแหน่งสูงในรัฐบาล สถานการณ์แบบนี้การตอบโต้ของคนเสื้อแดงในรูปแบบต่างๆนั้นมีความชอบธรรมเต็มที่ไม่มีใครมีสิทธิประณามพวกเขา ข้อเสนอจากบุคคลต่างๆที่แนะให้คนเสื้อแดงเป็นเด็กดีจึงเป็นจุดยืนปัญญาอ่อน คนที่ก่อปัญหาก่อนนั้นไม่ใช่คนเสื้อแดงตั้งแต่แรก หากต้องการให้สังคมสงบก็ต้องปกป้องอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง การเลือกที่จะประณามเสื้อแดงก่อนคือพวกนักสันติวิธีจอมปลอม การกระทำของพวกคุณทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจมันมีค่าเพียงแค่การสร้างความชอบธรรมให้กับเผด็จการทหารโดยท้ายที่สุดคุณก็เลือกที่จะอยู่คนละข้างกับเสื้อแดง และคุณพวกไดโนเสาร์ทั้งหลายเอ๋ย ตอนนี้มีคำถามเดียวและมีคำตอบเดียวเท่านั้น ถ้าคุณไม่ใช่พวกเสื้อแดง คุณก็เป็นพวกเหลืองขี้ข้าเผด็จการ!

การรับมือกับอันธพาลเสื้อสีน้ำเงินนับเป็นเรื่องใหญ่มากที่พวกเราต้องให้ความสำคัญ พวกเผด็จการรู้ดีว่ามันมีขีดจำกัดในการใช้ทหารที่สวมเครื่องแบบ ฉะนั้นมันจึงสร้างอีกเครื่องมือหนึ่ง คือ กองทัพกึ่งพลเรือนอย่างเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นอาวุธที่สามารถใช้กับคนเสื้อแดงได้ดีกว่า พวกนี้มีหน้าที่สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับคนเสื้อแดงให้มากที่สุดผ่านการสร้างสถานการณ์ในทิศทางนอกระบบ ป่าเถื่อนที่สุด สยองขวัญที่สุด วิธีการรับมือกับกองกำลังอันธพาลพวกนี้เป็นโจทย์ใหญ่สำหรับคนเสื้อแดงที่จะหาทางรับมือ แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมและจะต้องยืนยันสิทธิว่าคนเสื้อแดงมีสิทธิป้องกันตัวเต็มที่ในรูปแบบต่างๆ แต่วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการมีองค์กรจัดตั้งของคนเสื้อแดง ลักษณะขององค์กรจะเป็นอย่างไร?

พวกนั้นสร้างเสื้อสีน้ำเงินขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา พวกนั้นรับไม่ได้ที่จะต้องกระจายทรัพยากรการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมลง(นโยบายไทยรักไทย) เราต้องใช้การเมืองแดงเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพราะการจับอาวุธสู้เพียงอย่างเดียวมันใช้ไม่ได้ และจะส่งผลเสียในระยะยาว อีกทั้งยังจะสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายเผด็จการในการใช้ทหารและอาวุธมากขึ้น แต่พวกเราคนเสื้อแดงจะต้องป้องกันตัวจากเสื้อสีน้ำเงินในทุกรูปแบบ หัวใจของการสู้กับพวกนี้เราต้องโจมตีผลประโยชน์ของพวกมัน ซึ่งมีหน่ออ่อนของการเริ่มอยู่แล้วเช่น ท่าทีต่อธนาคารกรุงเทพของคนเสื้อแดง หรือ การ strike ไม่บริโภคสินค้าเหลือง ซึ่งยังมีประสิทธิภาพไม่มากพอ เราต้องก้าวไปไกลกว่านั้นโดยทำให้ระบบการผลิตในสังคมหยุด ซึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องทำงานร่วมกับสหภาพแรงงานที่ไม่ใช่สีเหลือง ซึ่งส่วนหัวๆถูกคุมโดยพวกขวาเหลืองและใช้คนงานนัดหยุดงานเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยเผด็จการทหาร อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าพวกเหลืองคุมสหภาพแรงงานอีกเป็นจำนวนมากไม่ได้ เราต้องไปชักชวนคนงาน โดยให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายคนเสื้อแดงในชนบท ทำหน้าที่ต้องชักชวนลูกหลานของตนเองให้ชักชวนเพื่อนๆคนงานให้มาเป็นเสื้อแดง หนุนช่วยเสื้อแดง มีอุดมการณ์สีแดง ต้องดึงคนงานรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่พวกเหลืองมาอยู่กับฝ่ายเสื้อแดง หากมีการใช้กำลังกับคนเสื้อแดงจะต้องมีการหยุดงานประท้วง ทิศทางนี้น่าจะเป็นทิศทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจะต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างพรรคแดงเพื่อถอนรากถอนโคนพวกอำมาตย์ให้หมดไป



(ตอนหน้าพบกับ สื่อ และ จุดอ่อนรัฐบาลภายใต้วิกฤติเศรษฐกิจโลก)








--
Ji Ungpakorn
+44(0)7817034432
http://siamrd.blog.co.uk/
http://redsiam.wordpress.com/
http://wdpress.blog.co.uk/

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.