Tuesday, September 22, 2009

การเลือกตั้ง.. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส.

การเลือกตั้ง.. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส.
ประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สส.มายาวนาน
เนื่องจาก เผด็จการได้ออกกฎหรือระเบียบ ที่มันซับซ้อนซ่อนเงื่อน เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างเพื่อให้พวกของตัวเองได้เปรียบคู่แข่ง เพราะ กลุ่มเผด็จการอำมาตย์เป็นกลุ่มอีแอบยักยอกอำนาจของปวงชน ซึ่งในระบอบการปกครอง ปชต.ไม่มีอำมาตย์ เขาได้หลอกลวงว่าประเทศไทยนี้มี ปชต.เขาทำหลายๆอย่างที่มันคล้ายๆประเทศที่เป็นประชาธิปไตย โดยมีการตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรค ประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเหมือนๆกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อเป็นการแสดงละครแหกตาประชาชนให้แนบเนียนเท่านั้น เพราะการเลือกตั้งนั้นมันไม่ใช่การเลือกตั้งแบบแฟร์ๆแต่ประการใด เขาได้วางระบบรูปแบบแล้วออกเป็นกฎหมาย ให้เขาได้เปรียบ คือเขาสามารถใช้กลโกงได้หลายๆขั้นตอน เช่น

- หนึ่งเขตสามารถเลือกได้ 3 คน อันนี้ก็เพื่อเปิดช่องทางให้พรรคพวกของตัวเองได้เข้าสภาฯได้มากขึ้น กล่าวคือ ปชช.ก็จะได้เลือกคนที่ตนเองชอบ 1 คน และเลือกคนที่ซื้อเสียง 2 คน เพราะรับเงินเขามาแล้วกลัวบาป หรืออาจจะเลือกเพราะเล่นการพนันเอาไว้ โดยพวกเขาเป็นเจ้ามือ รับแทงฝ่ายตรงกันข้ามเข้าวิน คนที่แทงก็ต้องไปเลือกคนของเขาเพื่อรับเงินเดิมพัน สุดท้ายคะแนนก็จะไปรวมที่คนของเขา 2 คะแนน เผลอๆคนของเขาได้หมดเพราะคนที่ประชาชนชอบ มีไม่เหมือนกันทำให้เสียงแตก
หากว่าหนึ่งเขตเลือกได้ 1 คน ปชช.จะมีอยู่ 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ฉลาดคือเลือกตามใจชอบ กับกลุ่มที่ฉลาดน้อยก็เลือกเอาตามกำลังเงินที่แจกและเดิมพัน แต่ บังเอิญ ยุคนี้คนฉลาดๆมันมากขึ้น ทำให้การซื้อเสียงไม่ได้ผล ตัวอย่างมีให้เห็นสมัยการเลือกตั้ง ทักษิณ2 พวกแจกเงินต้องหลบลงรู แจกจนกระเป๋าฉีกก็ยังสอบตก

- การซื้อเสียงบางจังหวัด แม้จะมีการซื้อเสียงกันทั้งสองฝ่าย แต่การเอาผิด จะจับผิดเฉพาะฝ่ายตรงกันข้ามกับเขา อันนี้เป็นที่รู้ๆกันแล้ว เพราะกรรมการก็คือคนของเขา ดังนั้นพวกเขาผิดแค่ไหนก็ใบเหลือง แต่คนอื่นผิดนิดเดียวใบแดง บางทีไม่ผิดแต่ก็โยนความผิดให้

- การนับคะแนน เขาก็มีการจัดระระบบให้เขาโกงได้ง่ายๆคือ ให้ขนหีบบัตรไปนับรวมกันที่จุดเดียว ในช่วงจังหวะของการขนส่งนั้น มันมีเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนรับผิดชอบในการขนย้าย การเปลี่ยนหีบเป็นเรื่องที่ง่ายดาย เขาจ่ายเงินให้แก่ผู้ขนหีบไม่กี่ตัง เขาก็เปลี่ยนหีบได้ พยานรู้เห็นทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นบริวารของเขาอยู่แล้ว โดยหลักความจริงแล้ว การนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ปชช.ในเขตแต่ละเขต สามารถมารถเป็นผู้ตรวจสอบการนับคะแนนได้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีความแม่นยำและรวดเร็วกว่าการขนหีบบัตรไปนับรวมกันที่จุดๆเดียว การที่เอาไปรวมกันแล้วนับ กว่าจะนับเสร็จต้องใช้เวลานานกว่ายุ่งยากกว่าหลายเท่า แต่เขาก็ยังทำโดยไม่อายฟ้าดิน

- การนับคะแนนที่กองอำนวยการเลือกตั้งแต่ละจังหวัด มันยังมีลูกเล่นหลายอย่างเช่น นับให้ไว พอที่จะโกงได้โดยการขาน ก็โกง คือก็นับแบบโกงๆ คนเขียนลงกระดาน ก็กาคะแนนแบบโกงๆ บางครั้งยังมีไฟฟ้าดับ คือแกล้งดับไฟเพื่อให้มีการโกงได้อีก อันนี้คงเคยเห็นกันบ่อยๆ ไฟดับคะแนนเปลี่ยน

- กกต.ก็มีอำนาจล้นฟ้า มีอย่างที่ไหน ตนไม่กี่คนมีอำนาจเหนืออำนาจของประชาชนผู้เลือกเข้ามาเป็นล้าน จะให้ใบแดงใบเหลือง หรือจะยุบพรรคใครนั้น มันอยู่ที่ว่า พรรคของใคร พวกของใคร

เล่ห์เหลี่ยมกลโกงของเผด็จการซ่อนรูปที่นำมากล่าวนี้ เป็นเพียงเล็กๆน้อยๆซึ่งส่วนหนึ่งในพันเท่านั้น หากนำมากล่าวให้หมดจริงๆคงจะยืดยาวเกินไป เพราะมันไม่ใช่ประเด็นที่จะกล่าวถึง

ระเบียบการเลือกตั้งที่จะนำเสนอในตอนนี้ มันเป็นการเลือกตั้งที่สามารถได้คนดีมีฝีมือจริงๆเข้าไปบริหารประเทศ คือเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนที่ประชาชนรักด้วย
ต้องยอมรับกันก่อนนะครับว่า เมืองไทยเรายังมีคนดีมีฝีมืออีกมากมาย เพียงแต่เขารู้รู้ไส้รู้พุงการเมืองแบบเผด็จการมาก จนไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว และรู้ดีว่า ถึงมีโอกาสเข้าไปนั่งในสภาฯ ก็ไม่สามารถทำอะไรให้พี่น้องประชาชนไม่ได้ คือได้เป็นแค่แกะดำในสภาฯ
หากจะจักระเบียบของการเลือกตั้งให้มีความเท่าเทียมกันจริงๆนั้นใช่เป็นเรื่องที่ยาก กลับง่ายกว่าเสียอีก กล่าวคือ
ให้แต่ละเขตการเลือกตั้งเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการการเสียงให้ผู้สมัครทั้งหมด ห้ามผู้สมัครใช้เงินส่วนตัวทำใบปลิว คัทเอาท์ หรือออกเดินสายหาเสียงตามบ้าน
คือให้ผู้สมัครจ่ายแค่ค่าสมัครเพียงเล็กน้อย พร้อมหลักฐานต่างๆให้ครบ ก็เพียงพอแล้ว

การประชาสัมพันธ์การหาเสียง ให้ผู้รับผิดชอบแต่ละเขตการเลือกตั้งนั้น ตั้งเวทีการปราศรัยเพียงเวทีเดียว เป็นเวทีหลัก ซึ่งมีสถานที่ที่เหมาะสม บนเวทีมีแสงและเครื่องเสียงให้บริการฟรี ให้มีการถ่ายทอดวิทยุหรือโทรทัศน์ โดยให้สัญญาณเสียงและภาพสามารถกระจายครอบคลุมภายในเขตการเลือกตั้งนั้นๆ อันนี้จะสามารถทำให้ประชาชนผู้สนใจฟังเลือกที่จะฟังเสียงการปราศรัย ขณะทำงาน ขับรถ หรือว่างๆก็สามารถไปนั่งฟังที่เวทีได้

ส่วนการจัดคิวการปราศรัย ก็ให้เกิดความเที่ยงธรรม โดนการจับสลาก เสร็จแล้วก็ให้หมุนเวียนการปราศรัยโดนเที่ยงธรรม เท่าเทียม

การเลือกตั้งลักษณะอย่างนี้จะมีผลทางจิตวิทยาดังนี้ คนที่อยากจะเป็นนักการเมืองต้องหมั่นทำความดี ระมัดระวังความผิดพลาด มิเช่นนั้นจะเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตีได้ง่าย ดังนั้นเราจะเห็นสังคมไทยแบบใหม่ขึ้นมาทันที เพราะเราจะเห็นแต่คนแย่งกันทำความดี ออกสังคม ทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น สังคมจะมีแต่คนที่ยิ้มแย้ม
และเมื่อเขาได้เป็น สส.แล้ว คนเหล่านี้ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เขาจะแคร์สายตาของประชาชน เขาต้องเอาใจประชาชน เพราะ ประชาชนเป็นคนเลือกเขาโดยบริสุทธิ์ใจ มันแตกต่างกับการที่เขาได้เป็น สส.เพราะเขาเอาเงินมาหว่านซื้อเสียงแน่นอน

เสนอมาเพื่อพิจารณาครับ........
ที่มาhttp://www.sapaprachachon.org/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=16#41

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.