บทเรียนราคาแพงที่นักเขียนต้องจ่ายสำหรับการหมิ่นระบอบกษัตริย์ในประเทศไทย โดย แฮรี นิโคไลเดส
าก ห้องขังมีสภาพคล้ายนรกของคุกในกรุงเทพ แฮรี นิโคไลเดสนักเขียนได้เปิดเผยความน่าสพึงกลัวของเวลาแต่ละวันที่เขาต้อง ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
พวกเราต้อง ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าและถูกเรียกนับชื่อในคุก ห้องขังของผมมีขนาดกว้างมากกว่า 4 เมตร และยาว 12 เมตร จุนักโทษได้ 50-60 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ส่วนใหญ่เป็นฆาตกรและนักข่มขืน ห้องขังมีห้องน้ำเพียง 1 ห้อง ซึ่งเป็นแค่รูที่เจาะลงพื้น แทบไม่มีระบบระบายอากาศ ผมต้องนอนใส่หน้ากากเพื่อป้องกันวัณโรคและปอดบวมซึ่งเป็นโรคที่แพร่หลายใน คุก ผมได้อยู่ในห้องขังมาได้ 5 เดือนตั้งแต่ถูกจับในเดือนกันยายนที่แล้ว
หนังสือ ที่ผมแต่ง “Verisimilitude” เป็นการพยายามเขียนทำนองนวนิยายแบบมือใหม่ครั้งแรกของผม ตีพิมพ์ออกมาเพียง 50 เล่ม และขายได้เพียง 7 เล่ม ผมรักเมืองไทยและเคารพราชวงศ์ ผมไม่เคยมีความตั้งใจจะโจมตีใคร
อาหารเช้าผมดื่มน้ำเต้าหู้และขนมปัง กรอบ นักโทษอาบน้ำและโกนหนวดรอบๆรางน้ำที่มีคราบสกปรกลอยฟ่อง น้ำถูกเปลี่ยนอาทิตย์ละครั้ง ต่อมาก็มีการประชุม พวกเราได้ยืนเคารพธงชาติ พวกเราได้ถูกสั่งให้สวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ ผมต้องใช้เวลาในการรวบรวมความคิดเพื่อคิดถึงคนที่ผมรัก
ผู้คุมได้พูดอบรมเป็นเวลานานเป็นภาษาไทย ผมเดาว่าเป็นการพูดถึงมารยาทในการอยู่ร่วมกันในคุก
ผมได้ถูกพาขี้นไปชั้นบนกับนักโทษต่างชาติคนอื่นๆ เพื่อทำความสอาดคุกอีกด้านหนึ่ง
หลัง จากนั้นก็เป็นเวลาพักเพียงครู่เดียว ผมใช้เวลาเดินดูรอบๆ แต่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ผมจะต้องพบกับนักโทษที่อ่อนแอกระปลกกะเปลี้ย นั่งอิดโรย เช่นนักโทษที่เป็นวัณโรค ผมรู้สึกถึงความตาย ผมพยายามที่จะใช้เวลาของผมตอบจดหมายที่มีมาหลายฉบับ จดหมายทำให้ผมมีชีวิตอยู่ได้
มีการอนุญาตให้เข้าเยี่ยมพวกเราได้วัน ละ 30 นาที เว้นวันสุดสัปดาห์และวันหยุด เป็นเรื่องที่ยากที่สุดของผมที่จะกลับไปห้องขังหลังจากหมดเวลาเยี่่ยมจาก ครอบครัวหรือเพื่อน ผมต้องร้องไห้เมื่อคิดว่าคนเหล่านั้นต้องเผชิญกับความทุกข์เพียงใด
ถึงเวลาเที่ยงจะมีสัญญาณกระดิ่ง อาหารเที่ยงส่วนใหญ่จะเป็นก้างปลาในน้ำร้อนที่เผ็ดมากกับข้าว ผมได้ลองทานดูและรู้สึกไม่สบาย
ผมไม่อาจจะล้มป่วยได้ แค่ความเครียดจากความคิดนี่ก็เหลือพอแล้ว ดังนั้นครอบครัวผมได้ส่งไก่และสลัดมาให้ผมทุกวัน
มี แมว 20-25 ตัวที่วิ่งไปมาในห้องโถงต่อหน้านักโทษทั้งหลาย นักโทษบางคนเอาบุหรี่ยัดปากแมวทั้งหลายหรือทำในสิ่งที่เล่าออกมาไม่ได้กับ แมวเหล่านั้น
ผมต้องเดินเท้าเปล่าเกือบตลอดวัน ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องการป้องกันความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราปีน รั้วลวดหนามที่เดินกระแสไฟไว้ และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นธรรมเนียม แต่พื้นมีเศษก้างปลาเต็มไปหมด ทั้งน้ำลายและอ้วกแมว เท้าของผมจะดำปี๋
ผม ถูกพาไปขี้นศาลด้วยกุญแจมือและโซ่ตรวน เป็นแบบยุคกลางจริงๆ มันทำให้เรารู้สึกด้อยค่าและทำให้ข้อเท้าเกิดรอยช้ำและมีแผลฉีกขาด มันทำให้คุณรู้สึกว่าคุณได้กระทำความผิด
มีคนพูดว่าแบบนี้ทำให้ใครก็ได้เข้าถึงตัวได้ง่ายในคุก ดังนั้นผมจะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ผมได้พบกับนักโทษที่มีสีสรรบางคน อย่างเช่น วิคเตอร์ เบ้าท์ ผู้ต้องสงสัยคดีนายหน้าขายอาวุธชาวรัสเซีย ไม่หยิ่ง พูดเสียงเบาๆ
วิ คเตอร์ให้กระเทียมผมในวันก่อนหน้า และให้ผมตรวจทานต้นฉบับของประวัติของเขา ผมยังไม่ได้อ่าน หลายๆคนได้ให้ต้นฉบับเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตและคดีของเขา พวกเขาคิดว่าผมคือนักข่าวของบีบีซีกระมัง
บ่าย 4 โมง พวกเราต้องถูกคุมขังไปจนถึง 6 โมงเช้า ที่นอนของผมขนาดกว้าง 1 ฟุต ขนาดยาวเท่าตัวผม ผมไม่สามารถพลิกซ้ายหรือขวาโดยไม่เบียดนักโทษคนอื่น ผมไม่สามารถยืดขาโดยไม่เตะนักโทษคนอื่น
ในวันเฉลิมพระชนมายุ 81 พรรษาของกษัตริย์ ผมมองเห็นพลุจากที่ไกลลิบๆ นักโทษบางคนร้องให้ และสรรเสริญบุคคลผู้ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นกษัตริย์ของพวกเขา แต่เป็นบิดาแห่งพวกเขาด้วย ผมอาจจะไม่ใช่คนไทย แต่ผมเป็นลูกชาย และผมรู้ว่าความรักที่มีต่อพ่อเป็นอย่างไร ผมร้องขอการอภัยโทษ ผมสวดมนต์ให้กษัตริย์ได้ทรงมองเห็นความทุกข์ทรมานของผม เพื่อผมจะได้ชื่นชมกับพระเกียรติของท่าน
เมื่อผมทานไก่เสร็จ นักโทษไทยคนอื่นขอเศษอาหารที่เหลือจากผม
ไฟ นีออนได้เปิดสว่างทั้งคืน ผมใช้กล่องหนุนหัวนอนหลับ ผมนอนพลิกซ้ายพลิกขวาบนที่นอนบางๆบนพื้นที่แข็ง และนักโทษต่างชาติได้บอกกับผมว่าแล้วมันจะผ่านไป ซึ่งเป็นภาษิตโบราณแต่เป็นเรื่องจริง แต่เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน
แปลและเรียบเรียง: Chapter 11
ที่มา:http://www.smh.com.au/news/world/the-cost-of-insulting-royalty/2009/02/06/1233423495127.html?page=fullpage#contentSwap1
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.