Monday, June 21, 2010

ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่๑

ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่๑
ราษฎรทั้งหลาย
เมื่อกษัตริย์องค์นี้ได้ครองราชสมบัติสืบต่อพระเชษฐานั้น ในชั้นต้นราษฎรได้หวังกันว่ากษัตริย์องค์ใหม่นี้จะปกครองราษฎรให้ร่มเย็น แต่การณ์หาเป็นไปตามหวังที่คิดไม่ กษัตริย์คงทรงอำนาจอยู่เหนือกฎหมายตามเดิม ทรงแต่งตั้งญาติวงศ์และคนสอพลอไร้คุณงามความรู้ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ๆ ไม่ทรงฟังเสียงราษฎร ปล่อยให้ข้าราชการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต มีการรับสินบนในการก่อสร้างซื้อของใช้ในราชการ หากำไรในการเปลี่ยนราคาเงิน ผลาญเงินทองของประเทศ ยกพวกเจ้าขึ้นให้สิทธิพิเศษมากกว่าราษฎร ปกครองโดยขาดหลักวิชา ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามยถากรรม ดังที่จะเห็นได้ในการตกต่ำในการเศรษฐกิจและความฝืดเคืองทำมาหากิน ซึ่งราษฎรได้รู้กันอยู่ทั่วไปแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิสามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้ การที่แก้ไขไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎรตามที่รัฐบาลอื่น ๆ ได้กระทำกัน รัฐบาลของกษัตริย์ได้ถือเอาราษฎรเป็นทาส (ซึ่งเรียกว่าไพร่บ้าง ข้าบ้าง) เป็นสัตว์เดียรัจฉาน ไม่นึกว่าเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น แทนที่จะช่วยราษฎร กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร จะเห็นได้ว่าภาษีอากรที่บีบคั้นเอาจากราษฎรนั้น กษัตริย์ได้หักเอาไว้ใช้ส่วนตัวปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายล้าน ส่วนราษฎรสิ กว่าจะหาได้แต่เล็กน้อย เลือดตาแทบกระเด็น ถึงคราวเสียภาษีราชการหรือภาษีส่วนตัว ถ้าไม่มีเงินรัฐบาลก็ใช้ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา แต่พวกเจ้ากลับนอนกินกันเป็นสุข ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน ซึ่งชนชาตินั้นได้โค่นราชบัลลังก์เสียแล้ว

รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวงไม่ซื่อตรงต่อราษฎร มีเป็นต้นว่าหลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ครั้นคอยๆ ก็เหลวไป หาได้ทำจริงจังไม่ มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กิน ว่าราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ เพราะราษฎรโง่ คำพูดของรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าราษฎรโง่ เจ้าก็โง่เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ที่ราษฎรรู้ไม่ถึงเจ้านั้นเป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่ เพราะเกรงว่าเมื่อราษฎรได้มีการศึกษา ก็จะรู้ความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำไว้ และคงจะไม่ยอมให้เจ้าทำนาบนหลังคนอีกต่อไป

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่าประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้กู้ให้ประเทศเป็นอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบและกวาดทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎรเพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั่นเอง ! บ้านเมืองกำลังอัตคัตฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนที่เรียนสำเร็จแล้วและทหารที่ปลดกองหนุนไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของรัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบ และเสมียน เมื่อให้ออกจากงานแล้วไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่กวาดรวบรวมไว้มาจัดบ้านเมืองให้มีงานทำจึงจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อยไป เงินมีเท่าไหรก็เอาฝากต่างประเทศคอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย

เหตุฉะนั้น ราษฎร ข้าราชการ ทหาร และพลเรือน ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว จึงรวมกำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้น และได้ยึดอำนาจของรัฐบาลของกษัตริย์ไว้แล้ว คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ความชั่วร้ายก็โดยที่จะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลาย ๆ ความคิดดีกว่าความคิดเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น คณะราษฎรไม่มีประสงค์ทำการชิงราชสมบัติ ฉะนั้น จึงขอเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองของแผ่นดิน จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้ นอกจากความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งความเห็นนี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว เวลานี้ยังอยู่ในความรับตอบ ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดโดยเห็นแก่ส่วนตนว่าจะถูกลดอำนาจลงมาก็จะชื่อว่าทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองอย่างประชาธิปไตย กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งขึ้น อยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา ตามวิธีนี้ราษฎรพึงหวังเถิดว่าราษฎรจะได้รับความบำรุงอย่างดีที่สุด ทุก ๆ คนจะมีงานทำ เพราะประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมอยู่แล้วตามสภาพ เมื่อเราได้ยึดเงินที่พวกเจ้ารวบรวมไว้จากการทำนาบนหลังคนตั้งหลายร้อยล้านมาบำรุงประเทศขึ้นแล้ว ประเทศจะต้องเฟื่องฟูขึ้นเป็นแม่นมั่น การปกครองซึ่งคณะราษฎรจะพึงกระทำก็คือ จำต้องวางโครงการอาศัยหลักวิชา ไม่ทำไปเหมือนคนตาบอด เช่นรัฐบาลที่มีกษัตริย์เหนือกฏหมายทำมาแล้ว เป็นหลักใหญ่ ๆ ที่คณะราษฎรวางไว้ มีอยู่ว่า

๑.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่นเอกราชในทางการเมือง การศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
๒.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
๓.ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
๔.จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน (ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎร เช่นที่เป็นอยู่)
๕.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น
๖.จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร

ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันคงจะอยู่ชั่วดินฟ้านี้ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือกฎหมายพึงตั้งอยู่ในความสงบและตั้งหน้าหากิน อย่าทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศและช่วยตัวราษฎร บุตร หลาน เหลน ของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพจากการเป็นไพร่ เป็นข้า เป็นทาสพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ ความสุขความเจริญอย่างประเสริฐซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า “ศรีอาริย์” นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า

คณะราษฎร
๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕

นิยายตอนใหม่จ้า

นิยายตอนใหม่จ้า
20 June 2010 - 02:57 PM
ตอนนี้มีเรื่องที่จ่า กำลังไม่พอใจลุง เกิดขึ้น อีกแล้ว จริงๆ แล้ว พ่อลูกคู่นี้ หลังๆ ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไร เรื่องที่ว่า ก็คือ จ่าต้องการให้ลุง โอน ทรัพย์สินที่เป็นของ ลูกจ้างบางส่วน ให้กลับมาเป็นของจ่า ทรัพย์สินดังกล่าว อาทิ บ้านหลังใหญ่ตามหัวเมือง และข้าวของสะสมโบราณต่างๆ

แต่งานนี้ลุงไม่ยินยอมทั้งหมด แต่ได้อนุญาติให้จ่านำของโบราณบางอย่างในสถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเคยจัดงานครบรอบให้ลุง เอาออกไปไปตกแต่งบ้านของสนมใหม่ของจ่าได้บางชิ้น

เรื่องทำนองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะจ่าได้เคยกระทำการเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง จ่ามักจะนำเอาของโบราณ ที่เป็นสมบัติของโรงงาน ไปตกแต่งประดับประดา ที่บ้านหลังใหญ่ของสนมของจ่า มีเรื่องหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน

ช่วงที่จ่ายังอาศัยอยู่กับสุทธิดา ที่บ่านหลังใหญ่ ในตอนนั้น เป็นช่วงที่จ่ากำลังสร้างบ้านใหม่ให้กับสุทธิดา ที่จ่ากำลังหลงหัวปักหัวปำ จ่าลงทุนไล่ยึดที่ดินของชาวบ้านบริเวณนั้น แบบไม่ได้มีการจ่ายเงินเวรคืน แต่ชาวบ้านที่อาศัยบริเวรนั้นก้ไม่มีใครกล้าปริปาก

เพราะชาวบ้านรู้ถึง ภัยอันตราย ดีว่า ถ้าร้องขอความเป็นธรรม ชาวบ้านจะได้อะไร โดยปกติการสร้างบ้านหลังใหญ่ของจ่า ให้บรรดาเมียๆ ทั้งหลาย จะมีการทยอยสร้าง และขยายพื้นที่ออกไปทีละนิด ทีละนิด แต่ก็มีชาวบ้านที่เป็นมุสลิมบาวส่วนไม่พอใจจ่า และคนพวกนี้ไม่กลัว และไม่ได้เคารพศรัทธาพวกครอบครัวของลุงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เพราะเขาทราบดีว่า เนื้อแท้ของ จ่า และคนอื่นๆ แท้จริงนั่น เป็นอย่างไร ชาวบ้านดังกล่าวไม่ยินยอม เขารวมตัวกันยื่น อีกา ให้ลุง ลุงก็เลยสั่งจให้จ่าระงับการกระทำดังกล่าว งานนี้ทำให้จ่าต้องหัวเสียกับการที่ถูก ระงับโครงงานขยายบ้านหลังใหญ่ออกไป

แต่จ่าก็แค้นใจไม่หาย เพราะหลังจากนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ชุมชนมุสลิม ดังกล่าว โดยที่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ตอนนี้ตำรวจก็ไม่สามารถจับ คนลงมือเผาได้ งานนี้ ชาวบ้านละแวกนั้นทราบดี แต่ก็ได้แต่ปลงในโชคชะตาก็เท่านั้น

หลังจากนั้นจ่า ก็ทำอะไรโดยที่ไม่ฟังเสียงทัดทาน และเกรงใจลุงอีกต่อไป เรื่อง ของสีขาวนั้นเดิมที มันก็เริ่มมาจากที่ จ่า ต้องการที่จะใช้เงิน ใครๆ ก็รู้ว่า จ่าเป็นคนที่ใช้เงินเก่ง

จ่าชอบสะสม รถ และเรือ ราคาแพง และจ่ามี ภาระ เรื่อง เมีย และลูกๆ หลายคน การสร้างบ้านของจ่า ก็เป็นที่รู้กันว่า จ่าสร้างไปเรื่อยๆ สร้างแล้วทุบ สร้างแล้วทุบ เป็นสิบๆ ครั้ง

หลังจากนั้น การค้าของดังกล่าวก็ได้มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่คนวงในก็จะทราบดีว่า ทำไมของเหล่านี้ทำไมมันไม่หมดไปจากโรงงานเสียที

เมืองนอกเขาจะรู้ดีว่า อะไรเป็นอะไร เขาจะจับตาจ่า เป็นพิเศษ ตอนที่จ่า หรือลูกน้องของจ่า เดินทางไปต่างประเทศ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุด เมืองนอกเขามีสาย และจับได้ว่าจะมีการลำเลียงของเข้ามา

เหตุการณ์ที่เกิด นักข่าวท้องถิ่นก็รายงานชัดเจนว่า เขาสงสัยใคร (แต่ที่โรงงานแห่งนี้ก็ปิดข่าวกันน่าดู ถ้าจะหาข่าวนี้ อาจจะยากพอสมควร เพราะจะลงแต่ข่าวท้องถิ่น )

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ คราวนี้กับกลายเป็นว่า ข้อมูลทางลับ ผู้ที่น่าสงสัย กับไม่ใช่แค่จ่า แต่เมืองนอก สืบไปเจอว่า ข้อมูลเชิงลึก น่าจะเป็นคนที่อยู่เหนือว่าจ่า เป็น ผู้ต้องสงสัย งานนี้ก็ต้องมีการเคลียร์

ปรากฏว่า หลังจากที่ ป้าส่ง คนของป้าไปเคลียร์เป็นทรัพย์สินหลายสิบล้านบาท เรื่องก็ได้เงียบลง แต่ ป้า และจ่า เองก็ ยากที่จะๆได้เดินทางมาที่นี่อีก

ตอนเรื่องแดงขึ้นมา ตัวเล็ก หัวเสีย เป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เธอก็ไม่พูดไม่จา กับ จ่า และเธอก็ไม่ยอมเดินทางกลับมาที่โรงงานแห่งนี้ เพราะเธอคงอายที่ เธอต้องใช้ชีวิต ที่ เมืองแห่งนั้น โดยที่ผู้คนต่างเชื่อกันว่า พ่อ และย่าของอาจจะมีส่วนในการค้าขายของดังกล่าว….

เรื่องนี้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ตัวเล็กไม่กลับมาเยี่ยม จ่า และป้า อีกเลยเลยในช่วงนี้