Sunday, January 31, 2010

เสื้อแดงคนไทยยูเคเปิดโปง นักวิชาการเหลืองที่ลอนดอน

เสื้อแดงคนไทยยูเคเปิดโปง นักวิชาการเหลืองที่ลอนดอน
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 สถานทูตไทยในอังกฤษได้จัดงาน “แก้ตัวแทนอำมาตย์สร้างภาพความบริสุทธิ์” เพื่อหลอกลวงนักศึกษาไทยและนักวิชาการต่างประเทศ โดยเชิญ สุจิต บุญบงการ และ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาเป่าหูประชาชน ที่ SOAS มหาวิทยาลัยลอนดอน โดยที่ก่อนเข้าห้องสัมมนาสถานทูตมีการแจกโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” และบทความของ บวรศักดิ์ ที่สร้างความชอบธรรมให้กับกฎหมายหมิ่นเดชานุภาพ

อย่างไรก็ตามชาวไทยที่รักประชาธิปไตยในอังกฤษได้รวมตัวกันเพื่อเปิดโปงสองโฆษกของอำมาตย์ มีการแจกใบปลิว และมีการตั้งคำถามคมๆจากผู้เข้าฟังหลายคน (แต่ขอไม่แจ้งนามเพื่อปกป้องความปลอดภัย) ในช่วงแรกเจ้าหน้าที่สถานทูตพยายามใช้ยามของมหาวิทยาลัยเพื่อห้ามไม่ให้มีการแจกใบปลิวและเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ ใจ อึ๊งภากรณ์ เข้าไปในที่ประชุมแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ทูตไทยประจำอังกฤษเปิดการประชุมโดยสร้างภาพลวงตาว่าขบวนการเสื้อแดง ไม่ได้เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ และพูดต่อไปว่ากษัตริย์ไทยอยู่เหนือการเมืองมาตลอด

สุจิต บุญบงการ นำการอภิปรายโดยอ้างเช่นเดียวกับทูตว่าคนเสื้อแดงเป็นตัวแทนของคนส่วนน้อยในสังคม ในขณะที่คนส่วนใหญ่เป็น “พลังเงียบ” การวาดภาพสังคมการเมืองไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันของ สุจิต มีลักษณะ “ประหยัดในความจริง” เพราะไม่กล่าวถึงรายละเอียดการยุบพรรค การมีสองมาตรฐานทางกฎหมาย หรือ บรรยากาศการเซ็นเซอร์สื่อ นอกจากนี้ สุจิต ดูเหมือนความจำเสื่อมเพราะเสนอว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่เคยมีในสังคมไทยก่อนหน้านี้ เขาคงลืม ๒๔๗๕ หรือ ยุค ๒๕๑๖-๒๕๒๓
เมื่อถูกตั้งคำถามว่าเห็นด้วยกับกฎหมายหมิ่นฯและกระบวนการของศาลหรือไม่? สุจิต ตอบว่า กระบวนการยุติธรรมในกรณีกฎหมายหมิ่นฯ ดีอยู่แล้ว “เป็นธรรมและจำเป็นต้องปิดศาลในการพิจารณาคดี” (ซึ่งเรามองว่าเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานความโปร่งใสสากล) มีการพูดถึงคณะกรรมการใหม่ที่อภิสิทธิ์ตั้งขึ้นเพื่อทบทวนการใช้กฎหมายหมิ่นฯ เหมือนกับว่าจะสร้างความยุติธรรม แต่นักสิทธิมนุษยชนหลายคนสงสัยว่าวัตถุประสงค์จริงคือการทำให้กฎหมายหมิ่นฯ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นต่างหาก สุจิต พูดอีกว่าคนที่ถูกลงโทษในคดีหมิ่นฯสามารถร้องเรียนไปถึงกษัตริย์ได้แต่ลืมบอกว่าในกรณี สุวิชา ท่าค้อ ยังไม่มีคำตอบมาทั้งๆที่ติดคุกมาหนึ่งปีแล้ว และในกรณีที่ผู้ถูกคุมขังยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจะไปขอขมาทำไม สุจิต จบลงด้วยการเสนอว่าในประเทศไทยเรามีเสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้ เพราะเรามีวัฒนธรรมในการรักกษัตริย์ อย่างไรก็ตามคนไทยผู้รักประชาธิปไตยขอมองต่างมุม วัฒนธรรมไทยมีหลายประเภท วัฒนธรรมไทยของสุจิต คือวัฒนธรรมทาสแต่วัฒนธรรมไทยของเราคือวัฒนธรรมของเสรีชน
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้เปลี่ยนเจ้านายตามกระแสลมเพื่อเอาตัวรอดอย่างสม่ำเสมอ พยายามอ้างว่าปัญหาของสังคมมาจากความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนซึ่งต้องเร่งแก้ไข แต่เมื่อถูกถามว่าเขาจะคัดค้านเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ เพราะเป็นลัทธิที่ไม่เห็นด้วยกับการกระจายรายได้ และเป็นลัทธิของคนที่รวยที่สุดในประเทศไทย บวรศักดิ์ ไม่มีคำตอบ ได้แต่โกหกว่าตนเองสนับสนุนให้ไทยเป็นรัฐสวัสดิการ แต่ในประโยคเดียวกันเจ้าพ่อแห่งความเจ้าเล่ห์คนนี้ ได้โจมตีนโยบายสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับคนจนของไทยรักไทย ว่าเป็นการสร้าง “ประเพณีการพึ่งพาในระบบอุปถัมภ์” ในประเด็นระบบอุปถัมภ์นี้มีนักวิชาการชาวอังกฤษคนหนึ่งเถียงว่านโยบายของไทยรักไทยไม่ถือว่าสร้างระบบอุปถัมภ์ เมื่อ บวรศักดิ์ ถูกตั้งคำถามว่าทำไมในประเทศไทยถึงมีการใช้สองมาตรฐานทางกฎหมาย เขาตอบว่า “ไม่จริง” และถ้ามีปัญหานี้ก็เป็นเพราะตำรวจไม่ทำตามหน้าที่ บวรศักดิ์ ชื่นชมระบบผู้พิพากษาและศาลจนน้ำลายหยด
เมื่อ บวรศักดิ์ ถูกตั้งคำถามในเรื่องคดีหมิ่นฯ และเสรีภาพในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับกองทัพ โดยที ใจ อึ๊งภากรณ์ เสนอความเห็นส่วนตัวว่ากษัตริย์ ภูมิพล อ่อนแอ ไม่มีคุณสมบัติที่จะนำการทำรัฐประหารได้ ในขณะที่ไม่เคยปกป้องประชาธิปไตยเลย แต่ถูกทหารอ้างถึงเพื่ออาศัยความชอบธรรมจากกษัตริย์ในการทำรัฐประหาร บวรศักดิ์ เริ่มแสดงออกอาการฉุนเฉียวพร้อมกล่าวหาเท็จว่า ใจ อึ๊งภากรณ์ เขียนและพูดว่ากษัตริย์เป็นผู้สั่งให้มีรัฐประหาร อย่างไรก็ตามเมื่อมีการพิสูจน์ว่าคำพูดของ บวรศักดิ์ เป็นคำพูดเท็จ และมีการตั้งข้อสงสัยในเรื่องความสามารถทางภาษาของเขา เขาฟิวส์ขาดในทันทีและท้าให้ ใจ มาดีเบทกับเขาเป็นภาษาไทย ใจ อึ๊งภากรณ์ ยินดีรับคำท้านี้ และคนไทยรักประชาธิปไตยในอังกฤษพร้อมจะจัดเวที ให้มีการถกเถียงดังกล่าวกับ บวรศักดิ์ ขอให้เขาเพียงแต่แจ้งมาว่าเขาพร้อมจะร่วมเวทีนี้ที่อังกฤษเมื่อไหร่
ในหนังสือ “ความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ของบวรศักดิ์ ที่แจกให้คนเข้าฟัง บวรศักดิ์ พยายามสร้างภาพเท็จว่าประเทศอื่นมีกฎหมายคล้ายๆกัน แต่ผู้แทนจากองค์กรสิทธิมนุษยชนของนักเขียน (PEN) ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่ากฎหมายนี้ถูกยกเลิกไปแล้วในอังกฤษโดยที่ ราชินีอังกฤษเช็นยกเลิกเอง บวรศักดิ์ พยายามอ้างว่าประเทศไทยมี “วัฒนธรรมพิเศษ” ที่ทำให้ไทยเป็นทาสและหมอบคลานต่อ “พระพุทธเจ้าหลวง” หรือ “พ่อที่ปกครองลูก” และยังมีการพูดถึงธรรมราชาซึ่งหมายถึงกษัตริย์ที่ปกครองด้วยธรรมะ (การปกครองด้วยธรรมะ คงหมายถึงการเซ็นรับรองการทำรัฐประหาร?)

ในงานเสวนาครั้งนี้ มีวิทยากรที่เป็นนักวิชาการอังกฤษสองคนมาร่วมเสนอ และทั้งสองคนมองว่ากฎหมายหมิ่นฯ มีปัญหา คนที่น่าสนใจที่สุดคือ Duncan McCargo ซึ่งอธิบายว่าปัญหาความขัดแย้งในภาคใต้ เป็นปัญหาของการรวมศูนย์การปกครองโดยไม่คำนึงถึงวัฒนธรรมและประเพณีที่หลากหลาย ประเด็นที่น่าคิดคือหลายๆฝ่ายในประเทศไทยรวมทั้งทหารและนักการเมือง ยอมรับว่านี่คือปัญหาจริง แต่ไม่มีใครกล้าเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นรูปธรรม และDuncan ยังพูดถึงบรรยากาศโดยทั่วไปในไทยว่าประชาชนตกอยู่ในความกลัวและไม่มีเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็น

ในใบปลิว ของ ใจ อึ๊งภากรณ์ ที่แจกไปในงานเสวนาครั้งนี้ มีการเรียกร้องให้มีการปล่อยนักโทษการเมืองในประเทศไทย และอธิบายว่า ปัจจุบันนี้การเรียกร้องประชาธิปไตยและการพูดความจริงกลายเป็นอาชญากรรม มีการใช้กฎหมายหมิ่นฯกระจายไปทั่วและการพยายามเซ็นเซอร์สื่ออย่างเบ็ดเสร็จ นอกจากนี้มีการพูดถึงระบบสองมาตรฐานในศาลที่ยุบพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด มีการร่างรัฐธรรมนูญของทหารที่ให้ความชอบธรรมกับรัฐประหารและระบุว่าจะต้องมีการเพิ่มงบประมาณทหารในการขณะที่ต้องจำกัดงบประมาณทางสังคม ใบปลิวนี้เสนอว่าพวกที่สนับสนุนรัฐประหาร ๑๙ กันยา ดูถูกปัญญาของคนจนและต้องการหมุนนาฬิกากลับไปสู่ยุคอดีตที่มีแต่การซื้อขายเสียงของพรรคการเมือง โดยไม่สนใจประชาชน ทางออกที่จะแก้ปัญหาสำหรับสังคมไทยคือ เราต้องเอาประชาธิปไตยกลับมา เราต้องยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯและกฎหมายคอมพิวเตอร์ ต้องตัดกำลังกองทัพ และนำผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมาลงโทษ ประเทศไทยควรจะเป็นรัฐสวัสดิการและสาธารณรัฐประชาธิปไตย




--
Giles Ji Ungpakorn
UK mobile:+44-(0)7817034432 +44-(0)7817034432
UK landline +44(0) 1865-422117 +44(0) 1865-422117
http://siamrd.blog.co.uk/
http://wdpress.blog.co.uk/
http://redsiam.wordpress.com/
see YOUTUBE videos by Giles53

Sunday, January 24, 2010

รับทราบ รับปฏิบัติ พร้อมลุยไปด้วยกันครับ.......สู้..สู้

รับทราบ รับปฏิบัติ พร้อมลุยไปด้วยกันครับ.......สู้..สู้
เมื่อ มกราคม 24, 2010 1:01 หลังเที่ยง, Kunnared P. เขียนว่า:

เป็นแนวคิดที่น่าสนใจครับ ถ้ามีการรัฐประหารจริง ทุกคนสามารถร่วมด้วยช่วยกันจัดการตามความถนัดได้.....ขอลุย..กับมันด้วยคนครับ
ประกาศ คณะผู้ต่อต้านการปฏิวัติ ฉบับที่ 1
สืบเนื่องจากในปัจจุบันนี้มีข่าวหนาหูว่าจะมีทหารนอกรีต จะร่วมมือกันทำการปฏิวัติเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ของประเทศไทย เพื่อมิให้การปฏิวัติดังกล่าวที่กำลังจะมีขึ้นในไม่ช้านี้ ได้กระทำสำเร็จโดยง่าย เหมือนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา

พวกเราประชาชนทุกหมู่เหล่าในนาม คณะผู้ต่อต้านการปฏิวัติ จึงขอประกาศ ถึงวิธีการต่อต้านการปฏิวัติ ดังนี้

1.ให้ถือว่าผู้ก่อการปฏิวัติทุกคน รวมทั้งผู้ให้ความร่วมมือ เป็นกบฏ ของแผ่นดิน
2.ให้ทุกคนอยู่ในที่พำนักของตนเอง ห้ามบุคคลหรือหน่วยงานใด เข้ารายงานตัวหรือร่วมมือกับผู้ก่อการปฏิวัติ
3.สถาบัน, หน่วยงาน หรือบุคคลใด ที่ให้ความร่วมมือกับผู้ก่อการปฏิวัติ ให้ถือว่าเป็นศัตรูของประชาชนทุกคน
4.ขอให้หลีกเลี่ยงการออกไปชุมนุมกันในที่สาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปราบปราม
5.ให้แต่ละสถาบัน หน่วยงาน หรือแต่ละคนทำประกาศไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติของตนเอง ออกประกาศสู่สาธารณะ ตามที่ต่างๆ เช่นทำป้าย แผ่นปลิว ประกาศบนเว็บไซต์ หรือทำคลิปขึ้นไปวางบน youtube.com
6.ขอให้ประชาชนได้ทำการปกป้องระบอบประชาธิปไตยอย่างสุดความสามารถ โดยหาทางกำจัดผู้ก่อการปฏิวัติทุกคนเหล่านั้นได้ตามอัธยาศัย โดยไม่มีความผิด
7.หากพบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดไหนเข้าร่วมมือหรือเข้ารายงานตัวต่อผู้ก่อการปฏิวัติ ให้ทำการเผาศาลากลางจังหวัดนั้นได้ทันที
8.ให้จัดการกับนายทหารหรือตำรวจผู้คุมกำลังเข้าทำการปฏิวัติทุกระดับอย่างถึงที่สุด รวมทั้งครอบครัวของเขา
9.ให้ทำลายสถาบันหรือองค์ใด ที่ลงนามให้การรับรองการปฏิวัติในครั้งต่อไปนี้ ให้สิ้นซาก
10.ให้จัดการตัวอาคารหรือบุคคลที่ทำหน้าที่สื่อเพื่อการปฏิวัติทุกราย
11.ให้กำจัดบุคคลและครอบครัวผู้ร่วมก่อการปฏิวัติทุกรายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมตลอด
ไป โดยไม่มีวันหมดอายุความ
12.รถถังและอาวุธต่างๆ ที่ผู้ก่อการปฏิวัติ นำมาใช้ให้ทำลายได้โดยไม่มีความผิด
13.ให้ตัดน้ำและไฟฟ้าทุกแห่ง ที่เป็นที่ทำการของผู้ก่อการปฏิวัติได้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า
14.ให้ยึดรถเมล์สาธารณะมาปิดกั้นการเดินทางของผู้ก่อการปฏิวัติได้
15.ให้สกัดกั้นและปิดสถานที่ที่จะเป็นที่รายงานตัวของฝ่ายผู้ก่อการปฏิวัติให้ได้ทุก
แห่ง

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
คณะผู้ต่อต้านการปฏิวัติ
24 มกราคม 2553
00.17 น.

saturdayvoice


-

Saturday, January 23, 2010

เขาว่ากระแสไม่เอาเจ้าแพร่ไปทั่วแล้ว

เขาว่ากระแสไม่เอาเจ้าแพร่ไปทั่วแล้ว
ใจ อึ๊งภากรณ์

ถ้าใครอ่านบทความของ ชัยอนันต์ สมุทวาณิช ใน ผู้จัดการ ๒ สิงหาคม ๕๒ จะเห็นว่าฝ่ายอำมาตย์เริ่มยอมรับกันแล้วว่า “กระแสไม่เอาเจ้าแพร่หลายไปทั่วประเทศแล้ว” และ ชัยอนันต์ ยังยอมรับอีกว่า “คนชนบทชอบทักษิณ... ก็เพราะทักษิณเป็นนักการเมืองคนแรกที่ทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญก็คือ เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคกับกองทุนหมู่บ้าน”

แต่หลังจากนั้น ชัยอนันต์ ก็เริ่มเข้าสู่แดนแห่งนิยาย เช่น
1. ชัยอนันต์ ตั้งคำถามว่าทำไมกระแสไม่เอาเจ้าแพร่ไปทั่ว? แล้วพยายามหาคำตอบที่ไม่ใช่คำตอบง่ายที่สุดและตรงกับความจริงที่สุด ก็เลยเสนอว่ามีการปลุกระดม... คำถามคือทำไมการปลุกระดมได้ผล?... ก็เพราะมันตรงกับสิ่งที่คนคิดอยู่แล้ว!! คำตอบที่ง่ายที่สุดและตรงกับความจริงที่ ชัยอนันต์ ไม่กล้าพูดคือ ตั้งแต่การก่อตั้งของพันธมิตรฯ ผ่านการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา การใช้ศาลเป็นเครื่องมือล้มพรรค การใช้ความรุนแรงปิดทำเนียบ รัฐสภา และสนามบิน ฯลฯ จนถึงวันนี้ ฝ่ายเสื้อเหลืองเอาเรื่องเจ้ามาเป็นข้ออ้างในการทำลายประชาธิปไตย ล้มรัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมา และดูถูกประชาชนเหล่านั้นว่า “โง่” หรือไร้วุฒิภาวะที่จะลงคะแนนเสียง มีการใช้กฎหมายหมิ่นเดชานุภาพกับคนที่คัดค้านรัฐประหาร แถมยังมีกรณีที่ราชินีไปงานศพพันธมิตรฯ และกรณีที่ในหลวงไม่ออกมาพูดอะไรในเดือนธันวาคมปีที่แล้วอีกด้วย คำตอบและคำอธิบายมันง่ายอย่างนี้ครับ ใครๆก็รู้ ไม่ต้องเป็นนักวิชาการจบดอกเตอร์หรอก สรุปแล้วคนส่วนใหญ่ในประเทศคิดเองเป็น ไม่ถูกล้างสมอง ตรวจสอบสถาบันกษัตริย์ในวิกฤตการเมืองที่ร้อนแรง แล้วพบว่าไม่มีประโยชน์ในการปกป้องรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตรงกันข้าม ไปอยู่กับฝ่ายที่เป็นศัตรูประชาชนและศัตรูของประชาธิปไตย จะไม่เกิดกระแสไม่เอาเจ้าที่ยิ่งใหญ่ทั่วประเทศได้อย่างไร? พวกอำมาตย์มั่นใจในตนเองมากไป คิดว่าล้างสมองประชาชนได้ แค่อ้างกษัตริย์แล้วเขาจะทำอะไรก็ได้ ไม่จริงครับ ถูกพิสูจน์ได้ แล้วพวกอำมาตย์อาจใช้การปราบปรามหรือการสร้างความกลัวให้บางคนไม่กล้าพูดได้ แต่เปลี่ยนใจลึกๆ ของคนไม่ได้หรอก การปิดเวป การปิดวิทยุชุมชน การเซ็นเซอร์ หรือการโกหกที่รัฐบาลอำมาตย์ทำอยู่ก็ไม่มีผลอย่างที่เขาต้องการ
2. ชัยอนันต์ เขียนว่า “กระแสต้านสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ในที่สุดคงไม่บังเกิดผลอะไร และในอดีตก็เคยมีมาแล้ว โดยเฉพาะปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมัยรัชกาลที่ 6” ผมอ่านแล้วหัวเราะ!!! เพราะนักประวัติศาสตร์ไทยทราบดีว่ากระแสไม่เอาเจ้าปลายรัชกาลที่ ๕ และในช่วงรัชกาลที่ ๖ ในที่สุดสะสมมากขึ้นจนเกิดการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ท่ามกลางกระแสไม่เอาเจ้าทั่วประเทศ
3. ชัยอนันต์ มองว่า “การวิจารณ์ “เจ้า” ก็ไม่อาจทำแบบเหวี่ยงแหได้ และก็ไม่มีข้อมูลข่าวสารหรือข้อเท็จจริงมาสนับสนุนคำวิจารณ์” ก็ฝันไปเถิดว่าไม่มีข้อมูลหรือข้อเท็จจริง แต่ในอีกแง่ก็เป็นคำดูถูกประชาชนอีกว่าเชื่ออะไรโดยไร้เหตุผล
4. ชัยอนันต์ มองว่า “คนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี รู้สึกว่าจะไม่สนใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก” และ “คนหนุ่มคนสาว เวลานี้ซึ่งดูจะเป็นพวกวัตถุนิยมสุดขั้วกันมาก ถ้าจะพูดถึงความภักดีต่อชาติหรือสถาบันแล้ว คงหวังได้ยาก” ตรงนี้ ชัยอนันต์ คงรู้จักเด็กๆ จากตระกูลร่ำรวยที่เป็นนักศึกษา วชิราวุธวิทยาลัย ซึ่งไม่ใช่เด็กธรรมดาเหมือนประชาชนอื่นๆ ส่วนผมและเพื่อนๆ รู้จักเด็กนักเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ จึงขอบอกว่าคนรุ่นใหม่ไม่จงรักภักดีกับอะไรง่ายๆ และถ้าคนรุ่นใหม่ “ไม่สนใจเรื่องกษัตริย์” มันหมายความว่าเบื่อกับการถูกบังคับให้จงรักภักดี แต่มันไม่ใช่ว่าเขาสนใจแต่เรื่องวัตถุนิยมหรือการบริโภคเหนือสิ่งอื่น จริงๆ แล้วพวกที่เป็นนักบริโภคนิยมสุดขั้วของสังคม ที่กอบโกยความร่ำรวยเข้ากระเป๋าตนเองมากที่สุด คือพวกเจ้าและอำมาตย์ ในขณะที่มาสอนเราให้มีความสุข “ความพอเพียง” ท่ามกลางความยากจนของเรา ดังนั้นถ้าใครยิ่งรวยยิ่งกอบโกยบริโภค ก็จะยิ่งหลงเชื่อในนิยายเรื่องเจ้า

อย่างไรก็ตาม ผมมีคำเตือนให้คนเสื้อแดงที่ “ไม่เอาเจ้า” เหมือนผม ถ้าฝ่ายอำมาตย์หลอกตนเองได้มันไม่ได้แปลว่าเราต้องหลอกตนเองไปด้วย เราต้องยอมรับความจริง และไม่ประเมินฝ่ายอำมาตย์ต่ำไป กระแสไม่เอาเจ้าที่แพร่ไปทั่วจะไม่เกิดผลโดยอัตโนมัติถ้าเราไม่รู้จักสู้ ดังนั้นเราต้องใช้ปัญญาในการทำภาระที่ยังค้างอยู่ของการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ให้เสร็จสิ้น แล้วเราจะได้ประชาธิปไตยแท้


--
Giles Ji Ungpakorn

siamrd.blog.co.uk/
wdpress.blog.co.uk/
redsiam.wordpress.com/
see YOUTUBE videos by Giles53

Sunday, January 17, 2010

ซาอุฯ แจ้งข่าว หากไม่กระชากหน้ากากคนอมเพชร เขาไม่คบด้วย

ซาอุฯ แจ้งข่าว หากไม่กระชากหน้ากากคนอมเพชร เขาไม่คบด้วย
"น่าขำ รัฐบาลโฆษณาว่าซาอุดีอาระเบียพอใจคดีสมคิด บุญถนอมฆ่าคนซาอุ ความจริงเขาบอกหลังไมค์ว่า ถ้าไม่กระชากหน้ากากคนอมเพชร เขาก็คงไม่คบด้วย"

ปริศนาเพชรอาถรรพ์
ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับที่มาของเพชร Blue diamond เม็ดนี้เสียก่อน เพชรเม็ดนี้เป็นเพชรสีน้ำเงินมีขนาด 12.5 กะรัต จัดได้ว่าเป็น เพชรประเภท ชนิด llb เป็นเพชรที่มี boron อยู่ในผลึกซึ่งจะ หาได้ยากมาก
และคุณสมบัติพิเศษของเพชรเม็ดนี้จะสามารถเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าได้ ความสามารถอันนี้ นี่เองที่กษัตริย์ซาอุได้ทำลักษณะพิเศษ เมื่อเวลายิงลำแสงอินฟาเรดไปที่ใจกลางของเพชรเม็ดนี้ ก็จะพบสัญลักษณ์ของราชวงศ์ที่ทำตำหนิเอาไว้ประกายลำแสงออกมา และจัดได้ว่าเป็นเพชรที่อยู่ในระดับความบริสุทธิ์ Flawless ซึ่งจัดได้ว่าเป็นระดับความบริสุทธิ์ที่มากที่สุด
เพชรเม็ดนี้ กษัตริย์ไฟซาลได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพชรในประวัติศาสตร์เม็ดหนึ่งที่ชื่อ ว่า Hope diamond ที่เป็นของกษัตริย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และพระนางมาเรียอองตัวเนต ซึ่งก็จัดได้ว่าเป็นเพชรอาถรรพ์ เม็ดหนึ่งเหมือนกัน
เดิมทีคนงานไทยจะไปทำงานที่ซาอุปีๆหนึ่งเป็นจำนวนมาก ราว 3 -4 แสนคน และประเทศซาอุจะนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทยเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งข้าวสาร เสื้อผ้า สิ่งทอ ปีๆหนึ่งจะมีชาวมุสลิมของไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์เป็นจำนวนหลายแสนคน
ซึ่งประเทศซาอุก็ได้อำนวยความสะดวกให้กับชาวมุสลิมของเราอย่างมากมาย ทั้งขั้นตอนการทำหนังสือเดินทาง เที่ยวบินบินตรงสู่กรุงริยาด ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม
แต่หลังจากเหตุการณ์กรณีเพชรซาอุ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องจบสิ้นลง ทางการซาอุ ไม่อนุญาตให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่นั้น ตอนนี้น่าจะมีคนงานที่นั่นไม่ถึง 10,000 คน รวมถึงห้ามคนของประเทศซาอุเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
จำกัดการนำเข้าสินค้าทุกอย่างของประเทศไทย จำกัดผู้แสวงบุญที่จะต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ งดเที่ยวบินบินตรงไปที่กรุงริยาด ถึงจะมีก็จะเป้นเที่ยวบินพิเศษ และจำกัดจำนวนไฟลท์
ลดระดับตวามสัมพันธ์ทางการทูต ไม่มีเอกอัคราชทูต เหลือเพียงแค่อุปทูต ที่สำคัญลดระดับความสัมพันธ์ความใกล้ชิด
คำพูดของกษัตริย์ไฟซาล ท่านเคยพูดว่า
เมื่อประเทศของคุณทำกับผมอย่างนี้ แล้วจะให้ผมทำดีด้วยกับคุณได้อย่างไร?
นับดูว่าโอกาสที่เราต้องสูญเสียไปทั้งหมดตลอดระยะเวลา 20 ปี เป็นมูลค่าหลายล้านล้านบาท เพื่อแลกกับเพชรเพียง 12.5 กะรัต

Sunday, January 3, 2010

คำถามที่ถูกพวกลัทธิคลั่ง เจ้ายัดเยียดเป็นประจำ

คำถามที่ถูกพวกลัทธิคลั่ง เจ้ายัดเยียดเป็นประจำ

Q:พวกมึงเป็นคนไทยรึเปล่าวะสัดด
A:เป็นคนไทยครับ พ่อแม่พี่น้องเป็นคนไทยหมด บัตรประชาชนก็มี ไม่ใช่คนต่างด้าวครับ แล้วก็เป็นคนไทยในประเทศนี่แหละเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนไทยที่เล่นเน็ตจากต่างประเทศที่ไหนหรอกครับ

Q:ถ้าเป็นคนไทยพวกมึงมาด่าในหลวงด่าสถาบันทำไม
A:ไม่ได้ด่าท่านสาดเสียเทเสียนะครับ เป็นการตั้งคำถาม เป็นการวิจารณ์ เป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย แม้แต่ในหลวงท่านก็เคยมีพระราชดำรัสครับตอนวันที่4ธ.ค.2548ว่าอยากให้คนไทยวิจารณ์ท่านได้ แต่วิจารณ์ดีๆก็แล้วกัน หากพูดไม่ดีคนวิจารณ์จะโดนบอมบ์กลับ ท่านว่าท่านอายฝรั่งที่มันนินทาว่าคนไทยไม่กล้าวิจารณ์King

Q:แล้วทำไมพวกมรึงไม่วิจารณ์ดีๆเอาแต่เสียดสีไปมา
A:เพราะถึงท่านมีพระราชดำรัสอยากให้วิจารณ์ แต่ก็ยังมีกฎหมายหมิ่นฯอยู่ ยังไม่ยกเลิกซะที แถมตอนนี้ป.ช.ป.คิดจะแก้ไขกฎหมายให้เพิ่มโทษอีก ก็เลยต้องเฉียดไปเฉียดมา จะวิจารณ์ตรงๆก็โดนคุกอีกแหละ

Q:พวกมึงเป็นคนส่วนน้อยนะที่คิดยังงี้ คนส่วนใหญ่เขารักเคารพเทิดทูนกันทั้งนั้น
A:ก็คงเป็นเพราะว่ามีการปลูกฝังหัวคนไทยมาตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่ตื่นนอนไปยันเข้านอน เป็นการล้างสมองให้นิยมบูชาลัทธิเชิดชูตัวบุคคล ขณะที่พวกคนส่วนน้อยที่เขาไม่คิดเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ ก็เพราะเขามีความสงสัย เลยศึกษา และตั้งคำถาม ที่โดนด่าว่า propagenda ก็คือไอนี่แหละอย่า"งง"

Q:งั้นพวกมรึงก็อย่าอยู่เป็นคนไทยเลย ไล่ไปอยู่เมืองนอกเลยไป ถ้าพวกมรึงไม่รักเคารพศรัทธาเหมือนกรู
A:ตรรกะแบบนี้มันตื้นเขินนะ ผมถามย้อนแย้งทำนองเดียวกันว่า เวลานี้เกือบทั่วทั้งโลกเขาเลิกระบอบกษัตริย์หมดแล้ว ล่าสุดภูฎานก็เปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตย เนปาลก็ล้มล้างแล้ว ที่เหลืออยู่อย่างอังกฤษ ญี่ปุ่นก็เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น เกิดคนทั้งโลกเขาบอกว่า"เฮ้ย!คนไทยพวกมรึงเป็นคนส่วนน้อยของโลกนะที่ยังหลับหูหลับตาชื่นชมKingอยู่ หากไม่ยอมมาคิดเหมือนชาวโลก พวกมรึงคนไทยก็ต้องย้ายไปอยู่ดาวอังคารเหอะไป พวกกรูรังเกียจมึง"...แล้วจะว่ายังไง?

Q:พวกมรึงมันอกตัญญู
A:ก็ไม่ขนาดนั้น คนเรามีGive มีTake เอากันง่ายๆนะตอนนี้คนไทยทำงานมีเงินก็จ่ายภาษี หลวงก็เอาไปจัดงบประมาณ ในแต่ละปีรู้ไหมว่ามีการจัดงบประมาณให้สถาบันกษัตริย์ไม่น้อยกว่า2,000ล้านบาท (ปีนี้ 2551 2,600ล้าน) เป็นเงินเดือน เงินปี ดูแลวังให้ท่านและราชวงศ์ ค่าเดินทาง กินอยู่ ไปต่างประเทศ ไปต่างจังหวัด รวมทั้งซื้อถุงยังชีพพระราชทานไปสงเคราะห์คนไทยที่เดือดร้อน รวมทั้งจัดซื้อเครื่องบินราชพาหนะให้ท่านตลอด ท่านจะไปงานหลวงหรืองานส่วนตัวก็จัดรถขบวนให้ได้รับความสะดวก...อย่างนี้คนไทยได้ให้ท่านและราชวงศ์ตั้งมากนะ ก็เพื่อให้ท่านได้ทำงานให้คนไทย

Q:แล้วที่ท่านทำโครงการพระราชดำริต่างๆ ไม่รู้จักสำนึกมั่ง
A:โครงการพระราชดำรินั้นเป็นโครงการตัวอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ขยายผลไปทั่วประเทศ เลยเหมือนผักชีโรยหน้า ท่านเสด็จทีก็พรึ๊บที จริงๆก็ดีนะที่ท่านอุตส่าห์คิดถึงราษฎรที่ยากจน แต่ทำอย่างไรจะให้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างยั่งยืนถาวร และที่สำคัญโครงการพวกนี้ก็นำเงินงบประมาณภาษีนั่นแหละมาทำมาพัฒนา อย่าเข้าใจผิดว่าเงินส่วนตัวท่านนะ

Q:จะหากษัตริย์ที่ไหนใส่ใจพัฒนาประเทศอย่างในหลวงของเรา น่าจะสำนึกมั่ง
A:ก็ดีครับที่ท่านใส่ใจทุกข์สุขราษฎรขนาดนี้ แต่อย่าลืมว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ก็ต้องปล่อยให้ประชาชนตัดสินอนาคตของตนเอง เลือกตั้งตัวแทนของตนเองไปบริหารประเทศ ประกาศเจตจำนงค์นโยบายต่างๆแล้วทำ และมีการตรวจสอบถ่วงดุลได้ คุณเห็นKingของอังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน เดนมาร์ค นอรเวย์ต้องมาทรงงานแบบไหนหลวงของเราไหมหละ?.. ท่านก็ปล่อยให้ประชาชนเลือกรัฐบาลไปทำเองทั้งนั้น แล้วผลลัพธ์เป็นไง เราเจริญกว่าประเทศที่ว่ามานั้นไหม ประเทศเหล่านั้นต่างหากที่เจริญกว่าเรา ส่วนเราล้าหลังเขา เพราะอะไรต้องคิดนะ

Q:แสดงว่าพวกมรึงเป็นพวกอยากล้มล้าง
A:เรื่องนี้เป็นการวิพากษฺวิจารณ์เท่านั้นครับ ส่วนเรื่องล้มล้างเท่าที่อ่านดูดีๆไม่มีนะครับ หากจะเคยมีก็ย้อนหลังกลับไปเกือบ100ปีที่แล้ว ทหารกลุ่มหนึ่งเคยคิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ร.ศ.130(พ.ศ.2453)มาแล้ว หรือตอนพ.ศ.2475ในแถลงการณ์ฉบับที่1ก็เคยพูดเรื่องนี้ไว้บางจุด แต่พวกที่วิจารณ์ส่วนใหญ่นั้นเขาอยากเห็นในหลวง และสถาบันปรับปรุงบทบาทให้เป็นกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย

Q:พวกมรึงนี่ชักกำแหงนะจะให้ท่านปรับปรุงอะไรวะ
A:ก็อยากให้ท่านเป็นเหมือนKingในระบอบประชาธิปไตยเหมือนประเทศอื่น อย่างอังกฤษ ญี่ปุ่น สแกนดิเนเวีย(เดนมาร์ค นอรเวย์ สวีเดน) หรือเขมรที่ติดบ้านเรา ไม่อยากให้ท่านลงมาแทรกแซงการเมือง มาวุ่นวายกับการบริหารบ้านเมือง มายุ่งกับการโยกย้ายแต่งตั้ง ไม่อาศัยทรัพยากรของประเทศที่มีจำกัดไปสนองพวกท่าน ไม่propagandaคนไทยให้หลงใหลคลั่งไคล้ท่านและสถาบันจนเกินพอดี

Q:ไอ้พวกเนรคุณเอ๊ย พวกมึงนี่มันส่วนน้อยจริงๆคิดได้ยังไง ยอมรับไม่ได้ก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศเหอะไป พวกมึงมันไม่ใช่คนไทย
A:ฮ่วย.... ถ้าเลือกเกิดได้ อยากอยู่จังเลยนะเมืองไทยเนี่ย

Q:กูอยากรู้นักหากไม่ได้ท่าน พวกมรึงจะได้มาเห่าหอนอยู่อย่างนี้ไหม คงเป็นขี้ข้าพม่าอยู่นะตอนนี้
A:คนที่นำคนไทยต่อสู้ปลดแอกพม่าคือพระเจ้าตากสินมหาราชนะครับ แล้วต่อมาพระยาจักรีก็ทำปฏิวัติยึดอำนาจ(มีอีกคำคือ....)ท่านเมื่อ6เมษายน2325แล้วตั้งราชวงศ์ใหม่คือ ราชวงศ์จักรี

Q:พวกมึงพูดเหมือนในหลวงกับสถาบันไม่มีดีเอาซะเลย สัดดดเอ๊ย
A:เรื่องดีๆเราก็ได้ยินมาเยอะแล้ว มีการประชาสัมพันธ์กรอกหูตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่เช้ายันดึกแล้ว ก็ลองฟังข้อมูลอีกด้านบ้างก็คงจะดีนะครับ แล้วถกกันมาตามเหตุตามผลดีกว่า ผมรู้ครับว่าคุณโกรธครับที่เจอคนไทยที่คิดแบบคนเวปนี้ แต่ใจเย็นๆครับ เขาก็มีเหตุมีผล ไม่ใช่จู่ๆเขาอยากลุกขึ้นมาวิจารณ์ให้เปลืองตัว แถมเสี่ยงติดคุกหรอก เขาก็รักชาติไม่น้อยกว่าคุณ เพียงแต่เขามีข้อมูล มีความเห็นที่ต่างจากคุณเท่านั้นเอง

Q:ใครจะต่างจากกรูก็ต่างไป แต่หากใครคิดร้ายกับในหลวงต้องข้ามศพกรูไปก่อน กรูตายแทนท่านได้
A:แต่ก่อนผมก็เคยคิดว่าจะตายแทนท่านได้เหมือนกันครับ แต่ตอนนี้....

Q:สัดดดด มรึงรับไม่ได้ก็อย่าอยู่เลย ไปอยู่ที่อื่นไป...
A:ก็ผมบอกไปแล้วไงว่า ผมเป็นคนไทย จะให้ผมไปอยู่ไหน เพียงแต่ผมคิดต่างจากคุณ ผมมีเหตุมีผลของผม หากคุณเห็นว่าระบอบกษัตริย์ปัจจุบันนี้ดีแล้วหรือดีอย่างไรก็ว่ามา ผมก็ยินดีจะแลกเปลี่ยนความเห็น เอาแบบไม่ต้องใช้อารมณ์ ใจเย็นๆคุยกันดีๆก็ได้

Q:พวกมรึงแม่งก็ดีแต่เห่าหอนอยู่ในรูนี่แหละว๊า
A:กว่าคณะราษฎรจะปฏิวัติ2475ได้เขาก็ตั้งคำถาม มีความสงสัย ศึกษาหาข้อมูล ถกแถลงกันอยู่ในวงแคบๆก่อนไม่ใช่เหรอครับ เขาไม่ได้ลุกขึ้นปฏิวัติเลยทีเดียว และหากมีการให้ความรู้ สร้างจิตสำนึกที่ถูกต้องแก่วงกว้างได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติกว่า ทำจากเล็กไปสู่ใหญ่ทำจากน้อยไปสู่มาก ให้มีความสุกงอมก่อนก็ได้ครับ แล้วค่อยเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ผมไม่รีบร้อนหรอก

Q:แน่จริงพวกมรึงก็ออกไปตะโกนไล่ท่านบนถนนเลยสิ กูว่าพวกมรึงโดนคนไทยกระทืบตายคาตีนแน่ๆ
A:ก็ถึงว่าไงครับ เวลานี้คนไทยส่วนใหญ่ยังหลงใหลบูชาราวเป็นลัทธิอยู่ ก็ไม่รู้จะรีบร้อนออกไปทำไม องค์กรอะไรก็ไม่มี กฎหมายก็ห้ามไว้ ไม่มีการจัดตั้ง ก็คงต้องอยู่ในขั้นศึกษา และขยายความเข้าใจแก่คนไทยให้ตระหนักก่อนครับ

Q:พวกมึงมันขี้ข้าไอ้เหลี่ยม เลยด่าท่าน
A:ไม่เกี่ยวกันเลย ก็เห็นเหลี่ยมมันรักในหลวงเทิดทูนขนาดหนัก เหลี่ยมมันจบนายร้อยมาก็ฝังหัวกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนแล้ว ตอนจัดงานสิริราชย์60ปี เหลี่ยมก็เป็นเจ้าภาพซะใหญ่โต สร้างกระแสคลั่งไคล้ไข้เหลืองกันเกินเลย หน้าเวปhi-thaksin.orgก็เอารูปเหลี่ยมกราบในหลวงขึ้นก่อน เหลี่ยมนี่มันพวกroyalistชัดๆ แต่ไอ้ลิ้มที่ตามล้างตามด่าเหลี่ยมนี่สิ ไม่แน่ว่ามันดึงสถาบันลงมาหาประโยชน์ แล้วทำให้สถาบันเสื่อม เพราะลิ้มอ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากพระราชวงศ์ชั้นสูงบ้าง นำสีฟ้าสีเหลืองมาเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง พูดเป็นนัยบ้าง พูดโจ่งแจ้งบ้างว่าได้รับการสนับสนุน โดยที่ก็ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากสำนักพระราชวังเลย แต่ตอนนี้คงรู้แล้วนะว่าใครสนับสนุนไอลิ้ม

Q:กูว่ามึงนี่ตอบไม่ตรงคำถามของกูนะสัดดด มึงนี่เชี่ยเนรคุณอกตัญญูจริงๆ
A:ผมว่าแทนที่คุณจะเอาแต่มีอารมณ์โกรธ แล้วด่ากราดไปทั่ว ลองมาคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดีกว่าครับ ดีชั่วอย่างไรก็ว่ากันมา หากผมเข้าใจผิดไปเอง ผมโดนล้างสมองอย่างที่คุณคิด ลองว่าเหตุว่าผลมา เผื่อผมกับพวกที่เล่นเวปนี้จะได้กลับตัวกลับใจไปเหมือนคุณ แต่หากคุณเอาแต่ด่าๆๆๆๆๆ ผมว่ามันก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

Q:สัดดดดดดด
A:ตกลงไอเหลี่ยมเป็นแก็สโซฮอลใช่ปะครับ อะไรไม่ดีโทษมันไว้ก่อน

ข้อมูลเบื้องต้น สำหรับพวกอยากตาสว่าง